ก.ล.ต. เร่งยกระดับตลาดทุน ปี68 ชูธรรมาภิบาล-เทคโนโลยี-โปร่งใส

ก.ล.ต. เร่งยกระดับตลาดทุน ปี68  ชูธรรมาภิบาล-เทคโนโลยี-โปร่งใส

ก.ล.ต. เดินหน้าปรับปรุงกฎเกณฑ์และกลไกกำกับดูแลตลาดทุนไทยครั้งใหญ่ในปี 68 หวังสร้างความเชื่อมั่น โปร่งใส และลดความเสี่ยงในระบบ

KEY

POINTS

  • ก.ล.ต. เตรียมปรับปรุงเกณฑ์การทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน (RPT) และการเปิดเผยข้อมูลสำคัญของบริษัทจดทะเบียน เช่น การนำหุ้นไปค้ำประกัน เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและคุ้มครองผู้ลงทุน
  • ส่งเสริมธรรมาภิบาลโดยกำหนดมาตรฐานความรู้สำหรับกรรมการบริษัทจดทะเบียน และยกระดับการกำกับดูแลผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุน เช่น ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้สอบบัญชี
  • เพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย โดยนำเทคโนโลยี (SupTech) และ AI มาช่วยในการตรวจสอบ และติดตามมาตรการที่เกี่ยวกับ Short Selling และ Program Trading อย่างใกล้ชิด
  • เสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต. เป็นพนักงานสอบสวนในคดีที่มีผลกระทบสูง เพื่อให้กระบวนการบังคับใช้กฎหมายรวดเร็วและมีประสิทธิภาพขึ้น

นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินงานสำคัญในปี 2568 โดยเน้นการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนาด้านการกำกับดูแลผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุน และการบังคับใช้กฎหมายยกระดับคุณภาพบริษัทจดทะเบียนและตราสารหนี้

โดยที่ประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุน  เมื่อ 9 ต.ค.ที่ผ่านมานี้   ก.ล.ต.มีแนวคิดในการ ”ปรับปรุงหลักเกณฑ์การทำรายการที่มีนัยสำคัญ (Material Transact) และการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน (Related Party Transaction: RPT) “ ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เพื่อให้มีความชัดเจน และสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบันมากขึ้น รวมถึงดูแลสิทธิผู้ลงทุนให้ดีขึ้น โดยไม่สร้างภาระให้กับบริษัทจดทะเบียนมากเกินไป 

ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงร่างประกาศและคู่มือตามความเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการเปิดรับฟังความคิดเห็น (ปิดการรับฟังความคิดเห็นไปเมื่อ 24 ส.ค.2568) คาดว่าประกาศจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปี 2568 และจะมีการจัดอบรมเตรียมความพร้อมให้กับ  บริษัทจดทะเบียนและผู้เกี่ยวข้อง ก่อนประกาศมีผลใช้บังคับ วันที่ 1 ก.ค.2569  

“หวังทำให้ผู้ลงทุนมีสิทธิและเสี่ยงเข้าไปติดตามดูได้ และผู้ถือหุ้น 10% เข้าไปไม่เห็นชอบกระบวนการต่างๆได้  หากผู้บริหารขาดความระมัดระวังอย่างเพียงพอหรือการทำประโยชน์บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ยังมีการกระบวนการที่นำผู้บริหารมาลงโทษได้” 

ขณะเดียวกัน ได้ “ปรับปรุงหลักเพื่อยกระดับการจัดทำการวิเคราะห์และคำอธิบายระหว่างกาลของฝ่ายจัดการ (Interim MD&A) ” เพื่อให้ผู้ลงทุนรับทราบถึงสถานะการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของบจ. และใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยต้องมีการเปิดเผยทุกไตรมาสซึ่งอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น 

ก.ล.ต. ยังสนับสนุน “การเปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนผลการดำเนินงานหรือแนวทางในการเพิ่มมูลค่าและผลประกอบการของบริษัท (Value Up Program)”  เพื่อเป็นกลไกในการยกระดับธรรมาภิบาลของบริษัทจดเบียน รวมทั้งมีกลไกสนับสนุนผ่านกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) กองทุนรวมไทยยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) และโครงการ JUMP+ ของตลาดหลักทรัพย์ฯ  

ทั้งนี้ มี 2 บริษัทที่ได้ดำเนินการเปิดเผยแผน Corporate Value Up และมีคุณสมบัติเป็นหลักทรัพย์ที่ Thai ESG หรือ Thai ESGX สามารถลงทุนได้ และมีมากกว่า 90 บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล (ณ 19 ก.ย. 68)

การเสริมธรรมาภิบาลและมาตรฐานของผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุน

ก.ล.ต. เสนอ“แก้กฎหมายกำหนดหน้าที่ให้ผู้บริหารและกรรมการบริษัทจดทะเบียนรายงานการก่อภาระผูกพันในหลักทรัพย์ (Share Pledging) ในจำนวนที่มีนัยสำคัญ “เช่น การนำหุ้นไปวางเป็นหลักประกันจำหรือโอนหุ้นให้ custodian ถือแทน เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลที่สำคัญ ครบถ้วน และเพียงพอเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ปัจจุบันอยู่ในกระบวนการออกฎหมาย

อีกทั้ง ได้กำหนด "6 มาตรฐานองค์ความรู้กรรมการไทย" ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อส่งเสริมให้กรรมการบริษัทจดทะเบียนมีความรู้ เข้าใจบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ รวมถึงมีการพัฒนาวิชาชีพผู้ตรวจสอบภายใน (IA) การยกระดับการกำกับดูแลและการปฏิบัติงานของที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) รวมถึงการเสนอแก้กฎหมายเพิ่มอำนาจให้ ก.ล.ต. กำกับดูแลผู้ให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดทุน (gatekeeper) เช่น ผู้สอบบัญชี สำนักงานสอบบัญชี ที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน และบริษัทจัดอันดับเครดิต ซึ่งอยู่ในกระบวนการแก้ไขกฎหมาย

นอกจากนี้ ได้จัดทำโครงการ Responsible Voices สำหรับ Finfluencer ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)  เพื่อให้เป็นอินฟินฟลูเอนเซอร์ที่นำเสนอข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบ 

ขณะเดียวกัน ยังมีการปรับปรุงหลักโฆษณาของผู้ประกอบธุรกิจ เพื่อให้การกำกับดูแลมีความครอบคลุม เหมาะสม และสอดคล้องกับรูปแบบใหม่ ๆ รวมทั้งสนับสนุนการโฆษณาอย่างมีความรับผิดชอบ

เพิ่มประสิทธิภาพการซื้อขายหลักทรัพย์และลดความเสี่ยงในตลาด

ก.ล.ต. ยังคง“ติดตามและประเมินผลมาตรการดูแล Short Selling และ Program Trading + ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ (16 เม.ย. 2568) รวมถึงอยู่ระหว่างปรับปรุงกฎหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบและการกำกับดูแลการขายชอร์ต โดยให้ผู้ลงทุนที่ไม่ส่งคำสั่งขายชอร์ตตามเกณฑ์ที่กำหนด มีความหมาย รวมทั้งเพิ่มกลไกให้สามารถติดตามผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง (End-Benefcial Owne ประสิทธิภาพในการตรวจบัญชีแบบไม่เปิดเผยชื่อ (Omnibus Account)

ขณะเดียวกัน อยู่ระหว่าง “ปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) รับคำสั่งขายชอร์ตของลูกค้าที่ยืนยันการจัดหาแหล่งยืมหุ้น (locate) เพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น“  โดย บล. จะรับค่ำสั่งขายชอร์ตจากลูกค้าที่ขอยืนยันการ locate จาก บล. ได้ เฉพาะเมื่อเป็นไปตาม ”หลักเกณฑ์ที่กำหนด ตลอดจนหลักให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (margin loan) ของบริษัทหลักทรัพย์และการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า“  เพื่อให้มีการกำกับดูแลการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์อย่างเหมาะสม และลดความเสี่ยงต่อ บล.

ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจมีข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่จำเป็นและเพียงพอต่อต่อการนำไปใช้ประกอบการพิจารณากำหนดและทบทวนวงเงินให้แก่ลูกค้าอย่างเหมาะสมต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า ก.ล.ต. ได้”ปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบข้อมูลลูกค้าระหว่างกันในการกำหนดและทบทวนวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ “และสนับสนุนให้มี Securities Data Exchange Platform (ระบบ SDEP) เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจมีช่องทางสำหรับนำส่งข้อมูลลูกค้าระหว่างกัน

การบังคับใช้กฎหมาย

การเสนอแก้ไขกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต. เป็นพนักงานสอบสวนในคดีที่มีผลกระทบสูง (high impact)“ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการร่วมสอบสวนคดี โดยใช้ความเชี่ยวชาญมาช่วยให้กระบวนการบังคับใช้กฎหมายใน กรณี high impact รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อีกทั้งจะเพิ่มประสิทธิภาพงานตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมาย โดยประสานความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และนำเทคโนโลยีมาช่วยในการดำเนินการ (SupTech) เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเชื่อมั่น โปร่งใสเป็นธรรมให้กับตลาดทุน โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มความรวดเร็ว ถูกต้องแม่นยำ ในการตรวจจับ การกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย ด้วยข้อมูล AI และเทคโนโลยี