เพจหลอกลงทุนพุ่งต่อ 10 เดือนพบ3,227 บัญชี ก.ล.ต.สั่งปิดลดความเสียหายภายใน 48 ชั่วโมง

ก.ล.ต.พบเพจหลอกลงทุนยังพุ่งต่อ จากปี 67 ล่าสุด 10 เดือนแรกปี 68 รับแจ้งเบาะแสหลอกลงทุน รวมทั้งสิ้น 7,924 ครั้ง ประสานปิดเพจหลอกลงทุน 3,227 บัญชี ภายใน 7 นาที – 48 ชั่วโมง
สถิติการดำเนินการของ “สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน” ในปี 2568 (1 ม.ค. – 15 ต.ค.) สำหนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ได้รับแจ้งเบาะแสหลอกลงทุน รวมทั้งสิ้น 7,924 ครั้ง ผ่านระบบรับแจ้งใน 7 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์สำนักงาน ก.ล.ต. (www.sec.or.th/scamalert) โทรศัพท์ (1207 กด 22) อีเมล ([email protected]) การเดินทางมายังสำนักงาน ระบบบริการสนทนา (Facebook และ Live chat) และไปรษณีย์
โดยมีบัญชีโซเชียลมีเดียเข้าข่ายหลอกลงทุนที่ประสานผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและหน่วยงานภาครัฐเพื่อปิดกั้น จำนวน 3,227 บัญชี โดยผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียได้ปิดกั้นไปแล้วร้อยละ 100 ภายในเวลา 7 นาที – 48 ชั่วโมง และให้คำปรึกษาในเรื่องการหลอกลงทุน จำนวน 4,697 ครั้ง
ทั้งนี้ การดำเนินการปิดกั้นช่องทางการหลอกลงทุนบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ จะต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ประชาชนรายอื่นตกเป็นเหยื่อถูกชักชวนหลอกลงทุน และมีกระบวนการตรวจสอบ ตั้งแต่ตรวจสอบข้อมูล เก็บพยานหลักฐาน เตรียมเอกสารและข้อมูลเพื่อใช้ในการปิดกั้น ติดต่อผู้แจ้งเบาะแสเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ค้นหาข้อมูลที่ได้รับจากการแจ้งเบาะแสเพิ่มเติม รวมถึงติดต่อผู้ถูกใช้ชื่อในการหลอกลงทุนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งการดำเนินการด้วยความรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นการหลอกลงทุนจริง และระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการปิดกั้นเกิดขึ้น
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังมีความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศในการป้องกันการถูกชักชวนหลอกลงทุนให้แก่ประชาชน ผู้ลงทุน และผู้ประกอบธุรกิจและหน่วยงานในตลาดทุน ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับในประเทศ
1. เปิดรับสายตรงจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30 – 24.00 น. เพื่อให้ประชาชนหรือผู้ลงทุนที่จะดำเนินการแจ้งความและอายัดบัญชีกับ AOC 1441 แต่ยังไม่มั่นใจว่าถูกชักชวนหลอกลงทุนหรือไม่ ได้สอบถามข้อมูลก่อนการแจ้งความอายัดบัญชีเพื่อไม่ให้เกิดการแจ้งความเท็จเกิดขึ้น
2. เข้าร่วมศูนย์บริการเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และด้านมนุษย์นานาชาติ (War Room) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยนำข้อมูลที่ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลงทุนในตลาดทุนได้มีการแจ้งความมาดำเนินการตามกระบวนการของ ก.ล.ต.
3. เพิ่มช่องทางการเข้าถึงข้อมูล SEC Check First บน Cyber Check* ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนและผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบข้อมูลก่อนการลงทุน
4. เข้าร่วม/จัดกิจกรรม แคมเปญ หรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความตระหนักรู้และป้องกันการถูกชักชวนหลอกลงทุนให้แก่ประชาชน ผู้ลงทุน และผู้ประกอบธุรกิจและหน่วยงานในตลาดทุน ซึ่งมีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เช่น
-
- โครงการ “เสริมเกราะป้องกันให้บัญชีด้วย Brand Rights Protection & Meta Verified” โครงการให้ความรู้ภัยหลอกลวงออนไลน์ (Investment scam campaign) แคมเปญต้านภัยมิจฉาชีพออนไลน์ “Is This Legit?” และร่วมเสวนาในงานต่าง ๆ ร่วมกับ Meta Platform, Inc. และบริษัท เฟซบุ๊ก (ไทยแลนด์) จำกัด
- แคมเปญ #คนไทยรู้ทัน ปี 2567 และ 2568 ร่วมกับบริษัท ติ๊กต๊อก เทคโนโลยีส์ จำกัด หรือ เจ้าของแอปพลิเคชัน TikTok
- เสวนา Smart Senior 2025 “วัยเก๋า ลงทุนฉลาด สมาร์ทดิจิทัล” ร่วมกับบริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด
สำหรับในต่างประเทศ
1. เผยแพร่ข้อมูลกรณีหลอกลงทุนที่จัดแสดงบน SEC Investor Alert ของ ก.ล.ต. เข้าระบบ International Securities Commodities Alerts Network (I-SCAN)** ของ IOSCO
2. เข้าร่วม APRC Working Group on Scams and Online Harms (SWG) Platform Providers (PPs) Engagement Sub-Group เพื่อร่วมวางแนวทางความร่วมมือและแนวทางดำเนินการในเรื่อง scams and online harms กับ PPs ในภูมิภาค
หมายเหตุ :
* แอปพลิเคชันที่คัดกรองเบอร์โทรศัพท์ ตรวจสอบเลขบัญชีธนาคาร LINE URL Facebook page TikTok SMS ที่มีการยืนยันตัวตนกับ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมถึง ที่ สตช. ได้รับแจ้งความดำเนินคดี
** IOSCO ได้พัฒนาระบบ I-SCAN เพื่อรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมที่เข้าข่ายหลอกลวงเพื่อการลงทุนในบริษัท
ที่ไม่ได้รับใบอนุญาต รวมถึงการกระทำอื่นใดอันเป็นที่น่าสงสัยจากประเทศสมาชิก และจัดแสดงขึ้นเตือนรายชื่อเพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบข้อมูลจาก ก.ล.ต. ทั่วโลกได้







