โบรกคาด GFPT กำไรไตรมาส 3/68 พุ่ง 28% หลังต้นทุนวัตถุดิบลดลง

บล.ลิเบอร์เรเตอร์ คาดการณ์ว่า GFPT จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/68 ที่ 691 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (y-y) แม้ยอดขายจะหดตัว ปัจจัยหลักที่ทำให้กำไรเติบโตคือต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง โดยเฉพาะข้าวโพดและกากถั่วเหลือง ซึ่งช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้นเป็น 19.7% จาก 16.7%
KEY
POINTS
- บล.ลิเบอร์เรเตอร์คาดการณ์ว่า GFPT จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/68 ที่ 691 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (y-y) แม้ยอดขายจะหดตัว
- ปัจจัยหลักที่ทำให้กำไรเติบโตคือต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง โดยเฉพาะข้าวโพดและกากถั่วเหลือง ซึ่งช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้นเป็น 19.7% จาก 16.7%
- การเติบโตของกำไรเกิดขึ้นสวนทางกับยอดขายที่คาดว่าจะหดตัว 6% (y-y) ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดแคลนแรงงานกัมพูชา
- นักวิเคราะห์มองว่าผลบวกจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงสามารถชดเชยผลกระทบจากราคาขายที่ลดลงได้ทั้งหมด จึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"
นารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอร์เรเตอร์ เปิดเผยว่า บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT ไตรมาส 3/68 คาดกำไรสุทธิ 691 ล้านบาท พุ่งขึ้น +28% y-y และ +8% q-q จอาจดีกว่าที่เคยคาดแม้ยอดขายหดตัว แต่ได้ผลบวกจากราคาวัตถุดิบลดลงทำให้แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น
โดยยอดขาย คาดที่ 4,748 ล้านบาท หด -6% y-y และ -3% q-q เนื่องจากยอดขายกลุ่มอาหาร สัดส่วน 50% ของยอดขาย ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงาน หลังแรงงานกัมพูชาประมาณ 20% ของแรงงานทยอยกลับบ้าน ส่วนยอดขายในประเทศได้รับผลกระทบจากฝนตก และการส่งออกทางอ้อมทรงตัว q-q จากผลกระทบแรงงานกัมพูชาเช่นกัน ขณะที่กลุ่มอาหารสัตว์ สัดส่วน 15-20% ยอดขายดีขึ้นเล็กน้อย q-q จากยอดขายอาหารหมู และปลาดีขึ้น ส่วนกลุ่ม Farm ยอดขายทรงตัว q-q จากปริมาณและราคาขายที่ขายให้ GFN ลดลงเนื่องจากมีสัดส่วนแรงงานกัมพูชา 40-50% ซึ่งส่งผลกระทบต่อการขายเช่นกัน
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น ขยับขึ้นถึง +300bps เป็น 19.7% จาก 16.7% จากต้นทุนวัตถุดิบอย่างข้าวโพด และกากถั่วเหลืองที่ปรับลงโดยเฉพาะกากถั่วเหลือง
แบ่งกำไรจากบริษัทร่วม คาดหดตัวลงมาเหลือ 120 ล้านบาท หดตัว -42% y-y และ -39% q-q โดยการหดตัวของแมคคีย์ได้รับผลจากผลกระทบแรงงาน ส่วน GFN กระทบจากแรงงานเช่นกัน และราคาโครงไก่ที่ลดลงอีกด้วย
นอจากนี้ ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร คาด -14% y-y แต่ +14% q-q ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายล่วงเวลา(OT)มากขึ้น เราคาดกำไรสุทธิ 691 ล้านบาท ขยายตัวดี +28% y-y และ +8% q-q
อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/68 ที่จะดีกว่าที่เคยคาดราว 10% ขณะที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/68 แม้จะย่อลง q-q ตามราคาข้าวโพดที่เร่งตัวขึ้น แต่เราเห็นราคาโครงไก่ปรับขึ้นด้วยเช่นกัน จึงคาดว่าการดำเนินงานของบริษัทลูก ๆ จะดีขึ้น อีกทั้งสถานการณ์แรงงานดีขึ้นในทุกโรงงานแล้วคาดปริมาณการผลิตกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้งทำให้มีโอกาสปรับประมาณการขึ้นอีกครั้ง
โดยเบื้องต้นเราคงประมาณการไว้ดังเดิม ภายใต้ยอดขาย 19,587 ล้านบาท +1.9% y-y อัตรากำไรขั้นต้น 15.6% คาดส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม 882 ล้านบาท เพิ่ม +6% y-y คาดกำไรสุทธิ 2,390 ล้านบาท +21% y-y
“ยังเป็นตัวเลือกที่ดีของกลุ่มเนื้อสัตว์ ที่แม้ได้รับผลกระทบจากราคาขายที่ลดลงบ้าง แต่ทั้งหมดถูกชดเชยจากราคาวัตถุดิบที่ลดลงได้ทั้งหมดทำให้การดำเนินงานดีกว่าที่เคยคาดไว้ ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน P/E25E เพียง 5.3 เท่า ขณะที่ปีหน้าอยู่ที่เพียง 5.5 เท่า ถูกระดับระดับต้น ๆ ของกลุ่มเนื้อสัตว์ด้วยกัน ยังเก็งกำไรตามการดำเนินงานที่ยังดีได้ แนะนำซื้อ”







