ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดใหม่ใกล้แตะ 47,000 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดใหม่ใกล้แตะ 47,000 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดใหม่ ใกล้แตะ 47,000 จุดในวันอังคาร ได้แรงส่งจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของโคคา-โคล่าและ 3M แต่ดัชนี NASDAQ ปรับตัวลง

ซีเอ็นบีซี รายงานดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ทำสถิติปิดสูงสุดในวันอังคาร (21 ต.ค. 68) โดยได้รับแรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทต่างๆ เช่น โคคา-โคล่า และ 3M ขณะที่ดัชนี S&P 500 ค่อนข้างทรงตัว

ดัชนี 30 หุ้น Dow Jones Industrial Average  เพิ่มขึ้น 218.16 จุด หรือ 0.47% ปิดตลาดที่ 46,924.74 จุด ก่อนหน้านี้เคยขึ้นไปแตะระดับ 47,000 จุดในช่วงสั้นๆ ดัชนี S&P 500 ปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงที่ 6,735.35 จุด 

ส่วนดัชนี Nasdaq Composite ซึ่งเน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ปรับตัวลดลง 0.16% ปิดที่ 22,953.67 จุด

โคคา-โคล่า และ 3เอ็ม ส่งแรงหนุนให้ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น หลังจากการเปิดเผยผลประกอบการล่าสุดสูงกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ โดยราคาหุ้นพุ่งขึ้น 4.1% และ 7.7% ตามลำดับ หุ้นเศรษฐกิจเก่าแก่อย่างเจเนอรัลมอเตอร์ส

พุ่งขึ้นแรง 14.9% หลังจากปรับเพิ่มประมาณการรายได้สำหรับทั้งปีและสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ผู้ผลิตรถยนต์จากดีทรอยต์รายนี้ยังปรับลดประมาณการผลกระทบจากภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สำหรับปีนี้ โดยระบุว่าคาดว่าจะสามารถชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้ประมาณ 35%

ขณะเดียวกัน หุ้นอื่นๆ เช่นธนาคาร ไซออนส์ แบงคอร์ป ( Zions Bancorp) ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% หลังจากที่ธนาคารระดับภูมิภาคแห่งนี้รายงานผลกำไรไตรมาสที่สามที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน แม้ว่าจะมีการเปิดเผยหนี้เสียบางส่วนเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งกระตุ้นให้เกิดภาวะตลาดผันผวนในวงกว้าง

“นี่เป็นสัญญาณที่ดีว่าหุ้นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่กำลังรายงานผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้” หลุยส์ นาเวลลิเยร์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของนาเวลลิเยร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ กล่าว “โดยพื้นฐานแล้ว นี่หมายความว่าฤดูกาลประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 เริ่มต้นได้อย่างแข็งแกร่ง และเราจะมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในช่วงปลายปี”

อย่างไรก็ตาม หุ้นเทคโนโลยีปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงการซื้อขายวันอังคาร หลังจากที่ทรัมป์กล่าวถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการประชุมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในสัปดาห์หน้า “บางทีมันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้” ประธานาธิบดีกล่าว 

หุ้น Alphabet และ Broadcom ต่างก็ลดลงประมาณ 2% ขณะที่ Nvidia บริษัทปัญญาประดิษฐ์ที่เป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุน ก็ปรับตัวลดลงเกือบ 1%

นักลงทุนด้านเทคโนโลยีต่างคาดหวังความสัมพันธ์อันดีกับจีน ซึ่งจะช่วยลดอัตราภาษีศุลกากรให้ต่ำลงและป้องกันไม่ให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ต้องเผชิญสงครามการค้า