KKP กำไร Q3/68 ฟื้นบวก 28 % ที่1.6 พันล้าน รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่ม-คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น

KKP กำไร Q3/68 ฟื้นบวก 28 %  ที่1.6 พันล้าน     รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่ม-คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น

KKP รายงานกำไร Q3/68 ที่ 1.6 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 28% และ 9 เดือนแรก 4.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.7 % แรงหนุนี่นได้มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่ม -คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น แต่ยังตั้งสำรอง ช 909 ล้านบาท ซึ่งรวมการพิจารณาตั้งสำรองพิเศษรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น

         ธนาคาร  เกียรตินาคินภัทร   จำกัด (มหาชน) หรือ KKP  รายงานสำหรับไตรมาส 3/2568  กำไรสุทธิจำนวน 1,670 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.0 หากเทียบกับไตรมาส 3/2567 โดยหลักเป็นผลมาจากมาตรการบริหารคุณภาพสินเชื่อของธนาคาร ส่งผลให้คุณภาพสินเชื่อโดยรวม ปรับตัวดีขึ้นในระดับที่ดีรวมถึงผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทางด้านรายได้จากการดำเนินงานรวม ยังสามารถทำได้ในระดับที่ดีเช่นกันจากการที่ธนาคารมีการกระจายรายได้ในหลายธุรกิจ 

       โดยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจการจัดการกองทุน รายได้ค่านายหน้าขายประกันที่ทยอยปรับเพิ่มขึ้นรายได้ที่เกิดจากธุรกิจไดม์ (Dime!) ประกอบกับการ เพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นตามภาวะตลาด

          รวมแล้วช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารที่ยังคงปรับลดลง  ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของสินเชื่อภายใต้มาตรการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารที่เน้นการปล่อยสินเชื่อไปในประเภทที่มีคุณภาพสูง การให้ความ ช่วยเหลือลูกค้าผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” รวมถึงทิศทางการปรับลดลงของอตัราดอกเบี้ย

      ทางด้านคุณภาพสินเชื่อโดยรวมยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมทรงตัว อยู่ที่ร้อยละ 4.3 สำหรับไตรมาส 3/2568 เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าในขณะที่ผลขาดทุนจากการขายรถยึดยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง

      ทั้งนี้ธนาคารยังคงดำเนินการอย่างระมัดระวังในการพิจารณาตั้งสำรองในระดับที่เหมาะสม โดยมีการสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น สำหรับไตรมาส 3/2568 เป็นจำนวน 909 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ได้รวมการพิจารณาตั้งสำรองพิเศษ (Management Overlay) เพิ่มเติมเพื่อเป็นการรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงมีความไม่แน่นอนซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพสินเชื่อ

      รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ส่งผลให้อัตราส่วนค่า เผื่อผลขาดทนุ ด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 136.6

       สำหรับงวดเก้าเดือนปี 2568 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวม 4,141 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.7 จากช่วง เดียวกันของปี 2567 และมีกำไรเบ็ดเสร็จรวมจำนวน 5,024 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.1 สำหรับกำไรสุทธิที่ปรับเพิ่มขึ้น

         โดยหลักจากการปรับลดลงของผลขาดทุนจากการขายรถยึดและผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในระดับที่ดีโดยหลักจากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจ การจัดการกองทุน รายได้ที่เกิดจากธุรกิจไดม์ (Dime!) รายได้ค่านายหน้าขายประกัน และการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนตามภาวะตลาด

         ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารในงวด เก้าเดือนของปี 2568 ยังคงปรับลดลงตามการชะลอตัวของสินเชื่อภายใต้มาตรการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร มาตรการ ให้ความช่วยเหลือลูกค้า และการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ย