ดาวโจนส์ ปิดบวก ความกังวลสินเชื่อธนาคาร สงครามการค้าคลี่คลาย

ดาวโจนส์ ปิดบวก ความกังวลสินเชื่อธนาคาร สงครามการค้าคลี่คลาย

หุ้นวอลล์สตรีท ปิดบวก ดาวโจนส์ S&P 500 และแนสแด็กปรับขึ้นในวันศุกร์ หลังความกังวลสินเชื่อธนาคารสหรัฐ ความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐ-จีนคลี่คลาย

ซีเอ็นบีซี รายงานดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวสูงขึ้นในวันศุกร์ (17 ต.ค.68) เนื่องจากนักลงทุนจับตาท่าทีที่ผ่อนคลายลงของสหรัฐฯ ในการเจรจาการค้ากับจีน และพยายามก้าวข้ามความกังวลด้านสินเชื่อที่ก่อให้เกิดการเทขายอย่างหนักในกลุ่มธนาคารภูมิภาคในวันพฤหัสบดี

ดัชนีดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ปิดบวก 238.37 จุด หรือ 0.52% ที่ 46,190.61 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 0.53% ที่ 6,664.01 จุด

ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite ปิดบวก 0.52% ที่ 22,679.98 จุด

ตลาดหุ้น ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในการซื้อขายช่วงบ่าย หลังจากที่นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่าเขาจะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าจีนในเย็นวันศุกร์

ทรัมป์ ยังกล่าวจากทำเนียบขาวว่าการประชุมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนยังคงมีความเป็นไปได้ในช่วงปลายเดือนนี้ ความคิดเห็นดังกล่าวชี้ว่าภัยคุกคามจากภาษีนำเข้าจีน 100% ที่อาจเกิดขึ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายนนั้นอาจไม่เกิดขึ้นจริง

“ความรู้สึกเชิงบวกในบ่ายวันนี้มีส่วนสำคัญอย่างมากกับความเห็นของประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับจีน ที่ว่าเขาเข้าใจว่าคำขู่ขึ้นภาษีนำเข้านั้นไม่ยั่งยืน” รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักกลยุทธ์การลงทุนของแบร์ด กล่าวกับซีเอ็นบีซี “ผมมั่นใจว่าการเจรจาครั้งนี้จะมีทั้งขึ้นและลง แต่ผมคิดว่า การประกาศของทรัมป์ เป็นการกำหนดบรรทัดฐานว่ารัฐบาลไม่ต้องการเห็นการเทขายแบบวันปลดปล่อยซ้ำอีก”

คาดหนี้เสียแบงก์เล็กพุ่งเป็นเหตุเฉพาะราย

ราคาหุ้นของบริษัทที่นำหุ้นแบงก์ร่วงในวันพฤหัสบดี ฟื้นตัวขึ้นในวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าหนี้เสียเป็นเพียงเหตุการณ์เฉพาะรายเท่านั้นและไม่ใช่สัญญาณของวิกฤตการณ์ของระบบการเงิน

ธนาคาร Zions และ Western Alliance เปิดเผยถึงหนี้เสียในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดการเทขายหุ้นครั้งใหญ่ จนส่งผลให้ตลาดหุ้นโดยรวมร่วงลงในวันพฤหัสบดี หุ้น Zion ร่วงลง 13% ขณะที่ Western Alliance ร่วงลง 11% ในวันพฤหัสบดี

แต่ ราคาหุ้น Zions Bancorp ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 6% ในวันศุกร์ หลังจากได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนจาก Baird ซึ่งระบุว่ามูลค่าตลาดที่ลดลงของธนาคารระดับภูมิภาคแห่งนี้ไม่สมดุลกับขนาดของการขาดทุนจากสินเชื่อที่อาจเผชิญ 

ธนาคารเพื่อการลงทุน Jefferies ซึ่งตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการลงทุนใน First Brands บริษัทค้าปลีกอะไหล่รถยนต์ที่ล้มละลาย ปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้น 6% หลังจากที่ Oppenheimer ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนเป็น Outperform หรือจะมีผลตอบแทนดีกว่าตลาดโดยรวม ราคาหุ้นของ Jefferies ร่วงลง 11% ในวันพฤหัสบดี

ผลประกอบการของ Fifth Third Bancorp ที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในวันศุกร์ ก็ช่วยบรรเทาความกังวลลงเช่นกัน ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น 1.3% กำไรของธนาคารพุ่งสูงขึ้นในไตรมาสที่แล้ว แม้ว่าจะมีรายงานการขาดทุนจากสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเชื่อมโยงกับการลงทุนใน Tricolor บริษัทผู้ให้กู้สินเชื่อซับไพรม์ที่ล้มละลาย

ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 300 จุด และ ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.6% ในวันพฤหัสบดี เนื่องจากหุ้นธนาคารปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วงบ่ายแก่ๆ กองทุน SPDR S&P Regional Banking ETF (KRE) ซึ่งปรับตัวลดลงติดต่อกัน 4 สัปดาห์ ร่วงลงกว่า 6% ในระหว่างการซื้อขาย ความกังวลในภาคธนาคารเพิ่มขึ้นหลังจากที่บริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์สองแห่ง ได้แก่ Tricolor และ First Brands ล้มละลายไปเมื่อเร็วๆ นี้

กองทุนETF ธนาคารระดับภูมิภาคปิดตลาดสูงขึ้น 1.6% ในวันศุกร์ แม้ว่าจะปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยราคาที่ลดลง 1.9%

“เราไม่คิดว่าจะมีปัญหาเครดิตเชิงระบบสำหรับธนาคาร  สิ่งที่เราเห็นจนถึงตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากสถานการณ์เฉพาะรายอย่าง First Brands และ TriColor) ในขณะที่คุณภาพเครดิตโดยรวมนั้นดีกว่าที่คาดการณ์ไว้” อดัม คริซาฟูลลี จาก Vital Knowledge เขียนไว้ในบันทึก

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีความผันผวนของ Cboe Volatility Index (VIX) ซึ่งมักเรียกกันว่ามาตรวัดความกลัวของวอลล์สตรีท ปรับตัวสูงขึ้น ควบคู่ไปกับการปรับตัวลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากนักลงทุนเข้าลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยและมองหาการป้องกันความเสี่ยงในตลาดออปชัน ดัชนี VIX ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในวันศุกร์ เนื่องจากหุ้นปรับตัวสูงขึ้น ส่งสัญญาณผ่อนคลายความกังวล อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้นเหนือ 4%

 

แม้จะมีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา แต่ดัชนีหลักทั้งสามดัชนีปิดตลาดในสัปดาห์นี้สูงขึ้น ดัชนี S&P 500ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.7% จากการเริ่มต้นผลประกอบการไตรมาสที่สามอย่างแข็งแกร่ง ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.6% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนีแนสแด็กปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.1% ในช่วงเวลาเดียวกัน