หุ้นไทยเปิดร่วง 9.08 จุด ตลาดยังถูกกดดันจากศึกสหรัฐฯ-จีน โบรกแนะสะสมหุ้นกระตุ้นเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นไทยภาคเช้าวันที่ 17 ต.ค. 2568 เปิดตลาดร่วงลง 9.08 จุด มาอยู่ที่ระดับ 1,282.38 จุด ปัจจัยกดดันหลักมาจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน กรณีที่จีนควบคุมการส่งออกแร่หายากและสหรัฐฯ ขู่จะขึ้นภาษีตอบโต้ โบรกเกอร์แนะนำกลยุทธ์ให้รอซื้อสะสมหุ้นเมื่อราคาอ่อนตัว โดยเน้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ เช่น กลุ่ม
KEY
POINTS
- ตลาดหุ้นไทยภาคเช้าวันที่ 17 ต.ค. 2568 เปิดตลาดร่วงลง 9.08 จุด มาอยู่ที่ระดับ 1,282.38 จุด
- ปัจจัยกดดันหลักมาจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน กรณีที่จีนควบคุมการส่งออกแร่หายากและสหรัฐฯ ขู่จะขึ้นภาษีตอบโต้
- โบรกเกอร์แนะนำกลยุทธ์ให้รอซื้อสะสมหุ้นเมื่อราคาอ่อนตัว โดยเน้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ เช่น กลุ่มการเงิน, โรงไฟฟ้า, โรงพยาบาล และท่องเที่ยว
```
ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" ภาคเช้า ณ วันที่ 17 ต.ค.2568 ร่วง 9.08 จุด หรือ -0.70% อยู่ที่ 1,282.38 จุด มูลค่าการซื้อขาย 2,788.19 ล้านบาท
วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ยังเป็นแรงกดดันสั้น โดยทางด้านจีนได้มีการยกระดับการควบคุมส่งออกแร่หายาก โดยเพิ่มรายชื่อโลหะหาย่ากและอุปกรณ์แปรรูปที่ต้องขอใบอนุญาตมากยิ่งขึ้น ขณะที่สหรัฐฯก็ยังขู่จะเก็บภาษีสูงสุด 100% หากจีนเดินหน้าการควบคุมแร่หายาก โดยประเด็นความวุ่นวายดังกล่าวคาดยังคงกดดันภาพรวมการลงทุนระยะสั้น แต่อย่างไรก็ดีในช่วงปลายเดือนนี้ ทรัมป์มีกำหนดจะเยือนเกาหลีใต้ 29-30 ต.ค.2568 ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ที่จะพบกับ สี จิ้นผิง ระหว่างทริป อาจจะทำให้อุณหภูมิการเมืองระหว่างประเทศชะลอลงได้เช่นกัน จึงเป็นปัจจัยที่ควรติดตามใกล้ชิด
นอกจากนี้ วานนี้ทางฝั่งสหรัฐฯ ได้แรงกดดันจากเกี่ยวกับประเด็นหนี้เสียของธนาคารภูมิภาค 2 แห่ง (Zions Bancorporation และ Western Alliance) แต่อย่างไรก็ดีเราคาดว่าประเด็นดังกล่าวยังเป็นปัจจัยเฉพาะตัว ไม่ได้เป็นปัญหาวงกว้างของระบบ
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบต่างๆ กระตุ้นให้แรงซื้อในสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น โดยราคาทองคำเช้านี้เดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ ที่ระดับ 4,360 เหรียญต่อออนซ์ ท่ามกลางตลาดหุ้นเอเชียที่เปิดย่อตัวซึ่งอาจเป็นแรงกดดันต่อ SET วันนี้เช่นกัน โดยกลยุทธ์ยังคงรอซื้อสะสม เมื่ออ่อนตัว เน้นกลุ่มที่อิงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ เช่น กลุ่มไฟแนนซ์, โรงไฟฟ้า, โรงพยาบาล และท่องเที่ยว
แนะนำหุ้น CENTEL คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/68-ไตรมาส 4/68 ฟื้นตัวต่อเนื่อง q-q แรงหนุนหลักจากธุรกิจโรงแรมทั้งในไทยและมัลดีฟที่คาดกลับมาดีขึ้น ผสานโรงแรมในญี่ปุ่นที่ทำได้ดีต่อเนื่อง ส่วนด้านธุรกิจอาหาร คาด SSSG จะกลับมาเป็นบวกได้ในช่วงครึ่งหลังตามการเข้าสู่ช่วง High season ผสานกับแรงหนุนเพิ่มเติมจากมาตรการภาครัฐฯทั้งด้านการบริโภคและการท่องเที่ยวจะช่วยหนุนผลการดำเนินงาน CENLEL กลับมาฟื้นตัว ราคาเป้าหมาย 36 บาท







