4 หุ้นเนื้อสัตว์กอดคอร่วง BTG นำกลุ่มลบ 2.27% รับแรงกดดันเทศกาลกินเจ

หุ้นกลุ่มเนื้อสัตว์ 4 บริษัท ได้แก่ BTG, GFPT, TFG และ CPF ปรับตัวลดลงพร้อมกัน โดย BTG เป็นผู้นำกลุ่มด้วยการลดลง 2.27% นักวิเคราะห์ชี้ สาเหตุหลักมาจากความเชื่อมั่นเชิงลบของนักลงทุนก่อนเข้าสู่เทศกาลกินเจ ซึ่งตามสถิติมักจะมีแรงขายออกมาก่อนเทศกาลประมาณ 1 สัปดาห์
KEY
POINTS
- หุ้นกลุ่มเนื้อสัตว์ 4 บริษัท ได้แก่ BTG, GFPT, TFG และ CPF ปรับตัวลดลงพร้อมกัน โดย BTG เป็นผู้นำกลุ่มด้วยการลดลง 2.27%
- นักวิเคราะห์ชี้ว่าสาเหตุหลักมาจากความเชื่อมั่นเชิงลบ (sentiment) ของนักลงทุนก่อนเข้าสู่เทศกาลกินเจ ซึ่งตามสถิติมักจะมีแรงขายออกมาก่อนเทศกาลประมาณ 1 สัปดาห์
- อีกปัจจัยที่กดดันคือความกังวลต่องบประมาณไตรมาส 3/68 เนื่องจากราคาเนื้อสุกรและไก่ได้ปรับตัวลงมาสู่ระดับปกติแล้ว หลังจากที่เคยอยู่ในระดับสูง
- มีการคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานของ BTG ในไตรมาส 3/68 จะหดตัวแรงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (q-q) ตามราคาเนื้อสัตว์ที่ลดลง
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 17 ต.ค.2568 เวลา 10.50 น.หุ้นกลุ่มเนื้อสัตว์ปรับตัวลง นำโดย
หุ้น BTG ร่วง 2.27% ลดลง 0.40 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 17.20 บาท
หุ้น GFPT ร่วง 0.99% ลดลง 0.10 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 10.00 บาท
หุ้น TFG ร่วง 0.98% ลดลง 0.05 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 5.05 บาท
หุ้น CPF ร่วง 0.45% ลดลง 0.10 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 22.10 บาท
กรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และ นักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า หุ้นในกลุ่มเนื้อสัตว์ปรับตัวลงมาจาก sentiment ของการเข้าสู่เทศกาลกินเจ จากข้อมูลทางสถิติ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับเนื้อสัตว์ มักจะปรับตัวลงก่อนเทศกาลกินเจประมาณ 1 อาทิตย์ ซึ่งในช่วงประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนหน้าเทศกาลนี้ ก็จะเริ่มมีแรงขายออกมาทั้งกลุ่ม
นอกจากปัจจัยหลักเรื่องเทศกาลกินเจแล้ว การปรับตัวลงอาจมีส่วนมาจากงบประมาณไตรมาส 3/68 เนื่องจากราคาเนื้อสุกรหน้าฟาร์ม หรือราคาไก่ต่าง ๆ ไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงแล้ว ซึ่งแม้ว่าราคาก่อนหน้านี้จะเคยขึ้นมาสูงในช่วงก่อนหน้า แต่ในปัจจุบัน ราคาเริ่มปรับตัวลงมาอยู่ในระดับปกติ
"หุ้นกลุ่มชุดนี้จัดเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งการเคลื่อนไหวของราคาจะเล่นเป็นไซเคิล เล่นเป็นรอบ และเมื่อพิจารณาร่วมกับราคาหุ้นที่ได้ปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้ จึงทำให้มองไซเคิลของกลุ่มนี้ไม่ได้อยู่ข้างล่าง และราคาหุ้นไม่ได้ถูกขนาดนั้นในปัจจุบัน"
อย่างไรก็ตาม สำหรับในหุ้นกลุ่มดังกล่าวนักลงทุนอาจรอซื้อกลับที่ระดับต่ำ รอจังหวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรอให้ราคาหุ้นปรับตัวลงมาจากผลกระทบของเทศกาลกินเจนี้ก่อน จากนั้นจึงค่อยพิจารณาซื้อกลับในบริเวณข้างล่าง เพื่อให้สอดคล้องกับการเล่นเป็นรอบของหุ้น Commodity
นอกจากกลยุทธ์ตามวัฏจักรแล้ว อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ใช้ในการเล่นหุ้นกลุ่มดังกล่าวคือการเข้าลงทุนในช่วงที่มีโรคระบาด อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังไม่เห็นการระบาดของโรค
นารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า หุ้น BTG คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 กำไรสุทธิ 1 พันล้านบาท ยังโต +10% y-y แต่หด -59% q-q ตามราคาเนื้อสัตว์หดตัวแรง ซึ่งคาดการดำเนินงานไตรมาส 4/68 จะหดตัวแรง q-q ตามราคาเนื้อสัตว์ที่ลดลง แม้จะได้ผลบวกจากราคาวัตถุดิบลดลงแต่ไม่สามารถชดเชยได้
สำหรับยอดขายคาดที่ 30,491 ล้านบาท เติบโต +2% y-y แม้ว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น +7% y-y แต่ราคาขายเฉลี่ยคาดหด -5% y-y ตามราคาเนื้อสัตว์ที่ลดลง ขณะที่ q-q คาดยอดขายหด -3% ปริมาณขายเพิ่ม +4% แต่ราคาขายเฉลี่ยลดลง -7% q-q
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น คาดหดตัวแรงเหลือ 15.0% จาก 19.6% ในไตรมาส 2/68 จากราคาหมูหด -27% q-q ไก่หด -2% q-q แต่ดีขึ้นจาก 13.8% ในไตรมาส 3/67 ตามราคาวัตถุดิบข้าวโพดที่ลดลง -15% y-y และกากถั่วเหลืองที่ลดลง -28% y-y ขณะที่ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร คาดเพิ่มขึ้น +6% y-y แต่ลดลง -1% q-q
นอจากนี้ รายการพิเศษ จากราคาหมูที่ลดลงคาดว่าจะมีขาดทุนจากสินทรัพย์ชีวภาพราว -90 ล้านบาท ทำให้คาดจะมีกำไรสุทธิที่ 1,075 ล้านบาท +10% y-y แต่ลดลง 59% q-q
อย่างไรก็ตาม คาดหวังราคาฟื้นตัวในไตรมาส 4/68 ซึ่งผู้บริหารคาดจะเห็นราคาเนื้อสัตว์ฟื้นตัวหลังจบเทศกาลกินเจ และจากมาตรการของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรในการกระตุ้นกำลังซื้อให้กลับมา รวมถึงการลดอุปทานการเลี้ยง ขณะที่ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นอย่างการขาดแคลนแรงงานคลี่คลายลง และฤดูฝนกำลังสิ้นสุดลง อีกทั้งคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลที่จะทยอยออกมาทั้งโครงการคนละครึ่งพลัส และมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว และเทศกาลเฉลิมฉลองช่วงปลายปีจะเริ่มส่งผลต่อกำลังซื้อให้ทยอยปรับขึ้นอีกครั้ง
ทังนี้ มีแนวโน้มปรับประมาณการลงจากแนวโน้มการดำเนินงานไตรมาส 3/68 อ่อนแอกว่าคาดมากทำให้เรามีแนวโน้มปรับประมาณการลงอีกครั้ง เบื้องต้นขอคงประมาณการเดิม คาดยอดขาย 124,478 ล้านบาท +9% y-y อัตรากำไรขั้นต้น 18.1% และคาดกำไรสุทธิ 7,848 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 เท่า y-y
“คาดแนวโน้มไตรมาส 3/68 จะอ่อนแอมากกว่าคาด คงต้องฝากความหวังจากมาตรการต่าง ๆ ที่เริ่มทยอยออกมาทั้งจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกร, มาตรการของรัฐบาล และการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวและเฉลิมฉลองซึ่งจะกระตุ้นให้กำลังซื้อฟื้นตัว กลยุทธ์การลงทุน valuation ปัจจุบันไม่แพง แต่ต้องรอปัจจัยบวกที่จะกลับมา รอราคาหมูว่าจะฟื้นได้หรือไม่ ซึ่งจะเปิดโอกาสเก็งกำไรได้อีกครั้ง แนะรอหลังประกาศงบก่อนค่อยพิจารณาอีกครั้ง”







