ดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 900 จุด หลังทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีจีนครั้งใหม่

ดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 900 จุด  หลังทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีจีนครั้งใหม่

ดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 900 จุดวันศุกร์ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน NASDAQ ก็ร่วงลงอย่างหนักหลังจากทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีจีนครั้งใหม่

ซีเอ็นบีซี รายงาน หุ้นปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากร่วงลงอย่างรวดเร็วในวันศุกร์ (10 ต.ค.68) หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีจีน โดยกล่าวหาว่าจีน “มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์อย่างรุนแรง” จากการจำกัดส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการป้องกันประเทศ

หุ้นเร่งเทขายเมื่อปิดตลาด โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์

ปิดที่ 45,479.60 จุด ลดลง 878.82 จุด หรือ 1.9% ดัชนี S&P 500

ลดลง 2.71% ปิดที่ 6,552.51 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite

ลดลง 3.56% ปิดที่ 22,204.43 จุด

ดัชนีโดยรวม S&P 500 ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน ก่อนหน้าคำแถลงของทรัมป์ ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก โดยดัชนีแนสแด็กทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบวัน

“ผมมีกำหนดพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ณ การประชุมเอเปค ที่เกาหลีใต้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น” ทรัมป์โพสต์ลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Truth Social “หนึ่งในนโยบายที่เรากำลังคำนวณอยู่ในขณะนี้คือการขึ้นภาษีสินค้าจีนจำนวนมหาศาลที่นำเข้าสหรัฐอเมริกา”

 

ทรัมป์กล่าวหาว่าจีนกำลังใช้ทรัพยากรแร่หายากเพื่อ "จับโลกไว้เป็นตัวประกัน" โดยอ้างถึงการที่จีนเข้มงวดควบคุมตลาดมากขึ้นในสัปดาห์นี้ ทำให้หน่วยงานต่างประเทศต้องขอใบอนุญาตจากปักกิ่งในการส่งออกสินค้าที่มีแร่หายากคิดเป็น 0.1% หรือมากกว่าของมูลค่าสินค้า

“ความคาดหวังในการทำข้อตกลงการค้ากับจีนถูกกวาดออกไปจากโต๊ะ” เจฟฟ์ คิลเบิร์ก ผู้ก่อตั้ง KKM Financial กล่าว “นักลงทุนที่ต้องการทำกำไรขายออกมาเต็มที่”

 

ดัชนีวัดความกลัวของวอลล์สตรีท หรือ CBOE Volatility Index (VIX) พุ่งขึ้นเหนือระดับ 22 ซึ่งเป็นการยุติช่วงเวลาประมาณ 4 เดือนที่ S&P 500 ค่อยๆปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและมั่นคงจนทำสถิติสูงสุดใหม่หลายครั้ง 

การขยับขึ้นของ VIX ครั้งนี้เป็นสัญญาณว่าบรรดานักลงทุนและเทรดเดอร์กำลังเร่งเข้าซื้อสัญญาออปชั่นเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการปรับฐานที่รุนแรงขึ้นของดัชนี S&P 500 ในอนาคต 

  • หุ้นเทคฯร่วงหนัก

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มจะสูญเสียมากที่สุดจากความสัมพันธ์ทางการค้าที่ย่ำแย่กับจีน นำไปสู่การเทขายอย่างรวดเร็วในวันศุกร์ โดยหุ้น Nvidia

ลดลงประมาณ 5% ขณะที่ AMD

ลดลงเกือบ 8% และ Tesla

ลดลงประมาณ 5% ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบของสหรัฐฯ

ร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลมากขึ้นว่าภาษีที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ในท้ายที่สุด

 

“ไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีร่วงลงมากที่สุดในวันนี้ เนื่องจากหุ้นเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงต่อจีน ทั้งในด้านการผลิตและในฐานะลูกค้ารายใหญ่” อาร์ต โฮแกน หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดของ B. Riley Wealth กล่าวกับซีเอ็นบีซี “เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของเรากับเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกนั้นยากลำบากมากขึ้น” เขากล่าว

 

ความขัดแย้งกับจีนเกิดขึ้นหลังจากการปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐบางส่วน( Government Shutdown) เข้าสู่วันที่ 10 ในวันศุกร์ ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนในสัปดาห์นี้ซบเซาลง วุฒิสภาสหรัฐฯ ล้มเหลวเป็นครั้งที่เจ็ดในวันพฤหัสบดีในการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติภาวะการปิดทำการ  ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตมีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญในการเจรจา

รัสเซลล์ วอห์ท ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณของรัฐบาลทรัมป์ กล่าวในโพสต์โซเชียลมีเดียเมื่อวันศุกร์ว่า จากการปิดทำการที่ยังคงดำเนินต่อไปนี้ การปลดเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางออก “ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว”

 

การปรับตัวลดลงในวันศุกร์ได้ลบล้างการฟื้นตัวของดัชนี S&P 500 ในสัปดาห์นี้ โดยดัชนีร่วงลง 2.4% ในช่วงเวลาดังกล่าว ดัชนี Nasdaq และดัชนี Dow ก็ลดลง 2.5% และ 2.7% ตามลำดับในสัปดาห์เดียวกัน