โบรกยก ‘รับเหมา-แบงก์’ รับอานิสงส์ติดเครื่อง ‘แลนด์บริดจ์’

โบรกยก ‘รับเหมา-แบงก์’ รับอานิสงส์ติดเครื่อง ‘แลนด์บริดจ์’

นักวิเคราะห์ เผยกลุ่มธุรกิจที่จะได้รับอานิสงส์โดยตรงจากโครงการแลนด์บริดจ์คือ หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากเป็นโครงการที่ต้องมีการก่อสร้างจำนวนมาก เช่น การวางท่อและทำถนน

KEY

POINTS

  • บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุว่า กลุ่มธุรกิจที่จะได้รับอานิสงส์โดยตรงจากโครงการแลนด์บริดจ์คือ หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากเป็นโครงการที่ต้องมีการก่อสร้างจำนวนมาก เช่น การวางท่อและทำถนน
  • บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ยังมองว่า หุ้นกลุ่มธนาคารอาจได้รับผลบวก หากสถาบันการเงินในประเทศได้เข้าร่วมในการจัดหาแหล่งเงินกู้ให้กับโครงการขนาดใหญ่นี้
  • บลจ.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ ชี้ว่า หากโครงการมีความคืบหน้า กลุ่มผู้รับเหมาจะได้รับประโยชน์เต็มๆ เป็นกลุ่มแรก ตามมาด้วยกลุ่มธนาคารพาณิชย์, อสังหาริมทรัพย์ และท่องเที่ยว

โครงการ “แลนด์บริดจ์” มูลค่า 1 ล้านล้านบาท กลับมาอยู่ในสปอตไลต์อีกครั้ง ภายใต้รัฐบาลของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ที่พยายามเร่งเดินหน้ากระตุ้นการลงทุน แม้มี “ข้อจำกัด” ด้านเวลาและเงื่อนไขการยุบสภาใน 4 เดือนข้างหน้า แต่ทว่าด้วยขนาดโครงการและความหวังในการยกระดับเศรษฐกิจภาคใต้ ทำให้แลนด์บริดจ์ยังถูกจับตาว่าจะเดินหน้าได้จริงหรือไม่ และใครจะเป็นผู้ได้อานิสงส์นี้หากโครงการดังกล่าวเกิดขึ้น

โบรกยก ‘รับเหมา-แบงก์’ รับอานิสงส์ติดเครื่อง ‘แลนด์บริดจ์’

“กิจพณ ไพรไพศาลกิจ” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า โครงการแลนด์บริดจ์ซึ่งเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และเป็นที่จับตาของรัฐบาลอนุทิน ซึ่งคาดว่าจะมีการเดินหน้ากระบวนการเตรียมความพร้อมหลายอย่าง แต่ทว่าโครงการดังกล่าวไม่น่าจะสามารถดำเนินการผ่านได้ในกรอบเวลา 7-8 เดือนข้างหน้านี้

สำหรับเหตุผลหลัก 3 ประการ ที่ทำให้รัฐบาลสนใจผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์คือ  

1.ไม่มีประเด็นเรื่องความมั่นคง เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นการวางท่อและการสร้างระบบเชื่อมโยงสองชายฝั่ง ซึ่งไม่ได้มีการขุดคลอง 

2.ไม่เป็นภาระต่องบประมาณ ถึงแม้จะเป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่รัฐบาลไทยจะลงทุนเพียงแค่ในส่วนของการจัดหาที่ดินเท่านั้น โดยจะให้สิทธิ์แก่ผู้ชนะการประมูลนำที่ดินไปใช้ในการหาผลประโยชน์ ซึ่งทำให้โครงการไม่เป็นภาระกับงบประมาณของรัฐบาล 

และ 3.กระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานหากโครงการเกิดขึ้นได้จริงจะสร้างการลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งมีส่วนช่วยในการกระตุ้น GDP และการจ้างงานในระดับหนึ่ง

สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าถึงประมาณ 1 ล้านล้านบาท และงานส่วนใหญ่เป็นงานก่อสร้าง กลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์โดยตรง ได้แก่ “หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง” ซึ่งโครงการนี้ต้องมีการทำงานจำนวนมาก ทั้งการวางท่อระหว่างสองชายฝั่งอันดามัน และการทำถนน ซึ่งต้องเป็นถนนระดับมาตรฐาน ที่ใช้ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ และหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งต้องติดตามโครงสร้างทางการเงินของการไฟแนนซ์โครงการขนาดใหญ่นี้ หากมีการบังคับให้สถาบันการเงินในประเทศเข้าร่วมในการจัดหาแหล่งเงินกู้ โครงการนี้ก็อาจมีผลบวกต่อกลุ่มธนาคารภายในประเทศด้วย

“ประกิต สิริวัฒนเกตุ” กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวว่า โครงการแลนด์บริดจ์ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่รัฐบาลภายใต้การนำของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ที่มีแผนจะสานต่อ โดยโครงการดังกล่าวอาจทำได้เพียงการผลักดันให้มีการเร่งศึกษาความเป็นไปได้เท่านั้น เนื่องจากอาจไม่สามารถลงนามการลงทุนที่ผูกพันงบประมาณไปถึงรัฐบาลถัดไปได้ทัน

สำหรับ โครงการแลนด์บริดจ์มีขนาดใหญ่มาก โดยมีมูลค่ารวมตกราว 1 ล้านล้านบาท ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะต้องร่วมทุนกับเอกชน หรืออาจให้เอกชนรับผิดชอบไปทั้งหมด หรือหากเลือกแนวทางการร่วมทุน คาดว่าจะเป็นการแบ่งลงทุนคนละประมาณ 500,000 ล้านบาทระหว่าง “รัฐบาลกับเอกชน”

นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวจัดเป็นโครงการที่มีภาระผูกพันต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลกระทบและต้องเชื่อมโยงไปยังงบประมาณปีถัด ๆ ไป ขณะเดียวกันข้อจำกัดด้านระยะเวลา 4 เดือนของรัฐบาลไม่เพียงพอ ที่จะดำเนินการจนถึงขนาดมีการลงมือลงทุนได้ทันที

“ในช่วงเวลา 4 เดือนแรก สิ่งที่รัฐบาลสามารถทำได้ดีที่สุดคือการดำเนินงานในรูปแบบ โครงคร่าว ๆ และเน้นไปที่การเร่งศึกษาความเป็นไปได้คาดว่าน่าจะเกิดขึ้น และหลังจากโครงการมีความเป็นไปได้ครบถ้วนแล้ว อาจมีการนำเข้าสู่กระบวนการในแง่ของการให้ ครม. อนุมัติ. อย่างไรก็ตาม การดำเนินการลงทุนจริงจะต้องไปรอใน รัฐบาลหน้า และหากรัฐบาลปัจจุบันมีเวลาถึง 2 ปี อาจเป็นไปได้ที่จะเข้า ครม. และเริ่มลงมือลงทุนได้”

สำหรับกลุ่มหุ้นที่ได้อานิสงส์เต็ม ๆ ที่หากโครงการแลนด์บริดจ์มีความคืบหน้า ประกอบด้วยกลุ่มผู้รับเหมาจะได้รับประโยชน์ไปก่อนเพื่อนอย่างเต็ม ๆ ตามมากด้วยกลุ่มอสังหาฯกลุ่มธนาคารพาณิชย์และกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม

“กรรณ์ หทัยศรัทธา” หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และ นักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บล.ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า โครงการแลนด์บริดจ์จะไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายใน 4 เดือน แต่หากรัฐบาลชุดของพรรคภูมิใจไทยยังคงได้เป็นรัฐบาลต่อใน 4 ปีหน้า ก็อาจจะยังมีลุ้นที่จะผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ได้ เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยมีมุมมองที่สนับสนุนโครงการนี้

อย่างไรก็ตาม โครงการอื่นที่เคยมีการพูดถึง เช่น Entertainment Complex นั้น คงไม่เกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากความสำคัญได้ถูกโยงไปที่การทำโครงการแลนด์บริดจ์ซึ่งเน้นการเชื่อมโยงการขนส่งโลจิสติกส์

“โครงการขนาดใหญ่อย่าง แลนด์บริดจ์ ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ทันภายใน 4 เดือน ค่อนข้างยากที่จะดำเนินการได้ทัน เนื่องจากเป็นโครงการที่ต้องใช้ระยะเวลานาน และคาดว่าแม้จะอยู่จนครบวาระปกติ 1-2 ปี ก็ยังไม่ทัน ดังนั้น รัฐบาลชุดนี้จึงน่าจะหันไปให้ความสำคัญกับมาตรการที่เป็น Quick Win เพื่อสร้างผลลัพธ์ในระยะสั้นก่อน”

สำหรับ 3 มาตรการควิกวิน ที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการหลัก ๆ ซึ่งเป็นมาตรการเร่งด่วนที่สามารถสร้างผลกระทบได้ทันที 1.มาตรการคนละครึ่ง 2.มาตรการด้านการท่องเที่ยวคาดการณ์ว่าจะดำเนินการในช่วงไตรมาส 4 ปี 2568 ซึ่งมาตรการดังกล่าวอาจมาในชื่อโครงการต่าง ๆ เช่น เที่ยวด้วยกัน หรือ ทัวร์เที่ยวไทย และอาจรวมถึงมาตรการคนละครึ่งด้วย และ 3.มาตรการการปรับโครงสร้างราคาแก๊ส ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และการปรับโครงสร้างดังกล่าวจะส่งผลให้มีการช่วย ลดค่าไฟฟ้า และ ลดค่าน้ำมัน