S&P 500 NASDAQ ปิดตลาดทำสถิติใหม่ แรงหนุนจากหุ้น AMD ทะยานขึ้น 24%  

S&P 500 NASDAQ  ปิดตลาดทำสถิติใหม่ แรงหนุนจากหุ้น AMD ทะยานขึ้น 24%  

ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดตลาดทำสถิติใหม่อีกครั้ง เริ่มต้นสัปดาห์โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้น AMD ที่ทะยานขึ้นเกือบ 24% หลังข่าวดีลขายหุ้น 10%ให้กับ OpenAI เจ้าของ ChatGPT

ซีเอ็นบีซี  รายงานดัชนี S&P 500 และแนสแด็ก Nasdaq Composite ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันจันทร์ (6 ต.ค.68) โดยได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับกิจกรรมการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ที่เพิ่มขึ้นหลังจากมีการประกาศดีลสำคัญสองรายการ

ดัชนี S&P 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.36% ปิดที่ 6,740.28 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq ซึ่งเน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.71% ปิดที่ 22,941.67 จุด อย่างไรก็ตาม ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ลดลง 63.31 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 46,694.97 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากการลดลงของหุ้น Sherwin-Williams และ Home Depot

ดัชนี Russell 2000 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังจากทะลุ 2,500 จุดเป็นครั้งแรก ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.4% ที่ 2,486.36 จุด

ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ได้รับแรงหนุนจาก Advanced Micro Devices (AMD) ที่พุ่งขึ้นเกือบ 24% หลังจากที่บริษัทบรรลุข้อตกลงกับ แซม อัลท์แมน ผู้นำด้าน AI ซึ่งอาจทำให้บริษัท OpenAI เจ้าของ ChatGPT เข้าถือหุ้น 10% ในบริษัทผู้ผลิตชิปรายนี้ในที่สุด ข้อตกลงนี้กำหนดให้ AMD จัดหาชิปกราฟิก (GPU) รุ่นใหม่จำนวนมหาศาลให้ OpenAI บริษัทของอัลท์แมน เพื่อนำไปใช้กับ AI ระดับสูง โดยจะทยอยใช้งาน GPU หลายรุ่นต่อเนื่องกันหลายปี 

ในข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง AMD และ OpenAI นี้ AMD ได้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญของ AMD ให้กับ OpenAI จำนวนสูงสุดถึง 160 ล้านหุ้น โดยมีเงื่อนไขการได้สิทธิตามปริมาณการใช้งานเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นจริงและราคาหุ้นของ AMD 

ราคาหุ้นของ AMD ปิดตลาดวันจันทร์พุ่งสูงขึ้น 23.71% หลังจากข่าวนี้

ด้านบริษัท Nvidia ซึ่งเป็นคู่แข่งหลักของ AMD ในด้านหน่วยประมวลผลกราฟิก ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันหลังจากการประกาศดังกล่าว

นอกจากนี้ หุ้น Comerica ยังพุ่งขึ้นเกือบ 14% หลังจากที่ Fifth Third Bancorp บรรลุข้อตกลงในการซื้อธนาคารระดับภูมิภาคแห่งนี้ด้วยมูลค่า 1.09 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐโดยซื้อหุ้นทั้งหมด การควบรวมกิจการครั้งนี้จะทำให้ธนาคารแห่งนี้กลายเป็นธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับเก้าของสหรัฐฯ เมื่อวัดจากสินทรัพย์

กองทุนรวมดัชนี SPDR S&P Regional Banking ETF พุ่งขึ้น 1% จากการคาดการณ์ว่าจะมีข้อตกลงเพิ่มเติมในอุตสาหกรรมนี้ โดยรวมแล้ว การควบรวมและซื้อกิจการ  กำลังฟื้นตัวขึ้น เสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดหุ้นในปีนี้

ตลาดมองการเติบโตระยะยาว แม้มีชัตดาวน์

“เห็นได้ชัดว่ามีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในระยะยาว” ไบรอัน มัลเบอร์รี ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอลูกค้าอาวุโสของ Zacks Investment Management กล่าว “สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เอื้อต่อภาคธุรกิจ (และธนาคาร) มากขึ้น และทุกคนคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงมากภายในเวลานี้ของปีหน้า ซึ่งอาจลดลงมากถึง 1.25% ทำให้ผลตอบแทนจากข้อตกลงเหล่านี้ดีขึ้นและเร็วขึ้นมาก”

นักลงทุนมองข้ามความกังวลเกี่ยวกับภาวะปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ ในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้ลากยาวเข้าสู่สัปดาห์ที่สอง หลังจากที่สมาชิกรัฐสภาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องเงินทุนเพื่อให้รัฐบาลยังคงเปิดดำเนินการได้อีกครั้ง ภาวะปิดทำการหรือชัตดาวน์ (Government Shutdown) ครั้งนี้ทำให้การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ รวมถึงรายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดไว้ในวันศุกร์ต้องล่าช้าออกไป

“ณ ขณะนี้ ตลาดหุ้นกำลังมองข้ามภาวะปิดทำการของรัฐบาล และให้ความสำคัญกับผลประกอบการในแง่ดีและแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ มากขึ้น” โรเบิร์ต เอ็ดเวิร์ดส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Edwards Asset Management กล่าว

“เรามองว่าหากตลาดปรับตัวลดลงอย่างมากจากภาวะปิดทำการครั้งนี้ก็จะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ ‘ไพรม์เดย์ของนักลงทุน’” เขากล่าวเสริมว่า “แม้จะมีการปิดทำการของรัฐบาลและความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงาน เราเชื่อว่าดัชนี S&P 500 กำลังจะทะลุ 7,000 จุดภายในสิ้นปี”

แม้จะไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หลายคนมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในสัปดาห์นี้ รวมถึงนายสตีเฟน มิแรน กรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันพุธ และนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี

ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq Composite เพิ่งปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สี่ในรอบห้าสัปดาห์ โดยเพิ่มขึ้น 1.1% และ 1.3% ตามลำดับ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเป็นครั้งที่สามในรอบสี่สัปดาห์ โดยเพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา