‘หุ้นสายการบิน’ เผชิญฟื้นตัวช้า เซ่น ‘จีนหด-แข่งขันเดือด’ แม้ไตรมาส 4 ‘ไฮซีซันยังเหนื่อย’ 

‘หุ้นสายการบิน’ เผชิญฟื้นตัวช้า เซ่น ‘จีนหด-แข่งขันเดือด’ แม้ไตรมาส 4 ‘ไฮซีซันยังเหนื่อย’ 

‘หุ้นสายการบิน’เผชิญฟื้นตัวช้า เซ่น ‘จีนหด-แข่งขันเดือด’ แม้ไตรมาส 4 ‘ไฮซีซันยังเหนื่อย’ บล.กสิกรไทย คาดสายการบิน “เพิ่มความจุ” เข้ามามาก ทำให้การแข่งขันรุนแรง ยิ่งเฉพาะเส้นทางในประเทศ

“กลุ่มสายการบิน” ยังคงเผชิญความท้าทายในการฟื้นตัว หวั่น “ไฮซีซันปลายปีเหนื่อย” พิษแข่งเดือด-จีนหดตัว “บล.กสิกรไทย” ชี้ไตรมาส 3/68 ยังชะลอตัว “บล.กรุงศรี” คาดการแข่งขันรุนแรง แม้ 3 เดือนสุดท้ายของปีจะเข้าไฮซีซัน แต่คาดว่าธุรกิจยังเหนื่อย “บล.ฟินันเซีย ไซรัส” มองภาพรวมจะค่อยฟื้นตัวไตรมาส 4/68 

‘หุ้นสายการบิน’ เผชิญฟื้นตัวช้า เซ่น ‘จีนหด-แข่งขันเดือด’ แม้ไตรมาส 4 ‘ไฮซีซันยังเหนื่อย’ 

แม้ประเด็นความปลอดภัยทางไซเบอร์จะคลี่คลาย หลังจากเดือนก.ย. ที่ผ่านมา สนามบินใหญ่หลายแห่งในยุโรปจะถูกโจมตีทางไซเบอร์ ส่งผลให้หลายเที่ยวบินล่าช้า แต่ “อุตสาหกรรมการบินไทย” กำลังเผชิญกับ “แรงกดดัน” ด้านราคาที่รุนแรง ซึ่งเป็นผลจากการที่สายการบินต่าง ๆ เพิ่มความจุ (Capacity) เข้ามาในตลาดอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเส้นทางภายในประเทศ คาดว่า Capacity โดยรวมของอุตสาหกรรมจะกลับมาอยู่ที่ระดับประมาณ 95-97% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ในปี 2562

ขณะที่ แรงกดดันที่สองคือ “การหดตัวของนักท่องเที่ยวจีน” ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ “นักวิเคราะห์” มองว่า ช่วงฤดูท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) หรือช่วงไตรมาส 4 ปี 2568 จะเป็นช่วงที่ค่อนข้าง “เหนื่อย” โดยมีการคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวรวมทั้งปีนี้อยู่ที่ประมาณ 33.4-34 ล้านคน ซึ่งบางส่วนมองว่าอาจมีโอกาสเห็น “ดาวน์ไซด์” ได้อีก 3-4% จากตัวเลขดังกล่าว

นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า แนวโน้มนักท่องเที่ยวช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 ยังคงลดลงเทียบปีต่อปี แต่คาดในไตรมาส 4 ปี 2568 นักท่องเที่ยวยังคงหดตัวอยู่ แต่อัตราหดตัวลดลงเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2568 ซึ่งสาเหตุที่การหดตัวลดลงในไตรมาส 4 ปี 2568 จากที่มีสัดส่วน “นักท่องเที่ยวชาวยุโรป” เข้ามามากขึ้น ซึ่งสามารถช่วยลดผลกระทบจากการที่นักท่องเที่ยวจีนหายไปได้บ้าง

สำหรับ ภาพรวมอุตสาหกรรมการบินในปีนี้ ตั้งแต่เดือนม.ค. ถึง ส.ค. หากพิจารณาจากข้อมูลของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT พบการเติบโตจำนวนที่นั่งอยู่ที่ประมาณ 2% ขณะที่การเติบโตจำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ประมาณ 5-6% แต่สิ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมการบินเผชิญแรงกดดันด้านราคาคือ การที่สายการบินเพิ่มความจุเข้ามาในตลาดอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันที่เน้นในส่วนของเส้นทางในประเทศค่อนข้างเยอะ โดยคาดในปีนี้ Capacity ในอุตสาหกรรมจะกลับมาอยู่ที่ระดับประมาณ 95-97% เมื่อเทียบกับช่วงปี 2562

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมขาดหายไปเป็นจำนวนมาก หากเจาะรายสายการบิน คาดบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV จะเป็นบริษัทที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากในปีนี้ AAV ได้เพิ่มเครื่องบินเข้ามาในฝูงบินแล้ว 2 ลำ ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มเข้ามาในจังหวะที่ไม่ดีนัก และเป็นปีที่เกิดภาวะการแข่งขันรุนแรง แม้ว่าจำนวนผู้โดยสาร AAV จะยังคงทรงตัวแต่รายได้โดยรวมกลับลดลง เนื่องจากค่าโดยสารที่หายไป ในขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นตามจำนวนเครื่องบินที่เพิ่มเข้ามา 2 ลำ ส่วน บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่โชคดีกว่า แม้ว่าจำนวนผู้โดยสารจะทรงตัวเช่นกัน และมีการเพิ่ม Capacity ในช่วงระยะสั้นจากการเช่าเครื่องบินมา 2 ลำ แต่ผลกระทบนี้จะหายไปในช่วงครึ่งหลังปี 2568 เนื่องจากสัญญาเช่าดังกล่าวสิ้นสุดลง จึงแนะนำลงทุนใน BA

นายดิษฐนพ วัธนเวคิน นักวิเคราะห์อาวุโส บล.กรุงศรี กล่าวว่า ธุรกิจการบินในประเทศช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 และไตรมาส 4 ปี 2568 ซึ่งกำลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซันยังดูค่อนข้างเหนื่อย เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนลดลง แม้ว่าภูมิภาคอื่น ๆ จะมีการเติบโตขึ้น เช่น เวียดนาม และ ญี่ปุ่นที่ทำผลงานได้ดี ขณะที่ไทยยังอาจเสียเปรียบในเรื่องของตัวค่าเงินทั้งนี้ คาดตัวเลขนักท่องเที่ยวปีนี้อยู่ที่ประมาณ 34 ล้านคน ซึ่งมองส่วนตัวมองว่า อาจเห็นดาวน์ไซด์อีกประมาณ 3-4% จากตัวเลขดังกล่าว

สำหรับคำแนะนำต่อนักลงทุนในกลุ่มธุรกิจการบินในช่วงไฮซีซัน ส่วนตัวมองว่า ธุรกิจสายการบินกำลังจะผ่านช่วงพีกจากอุตสาหกรรมเคยได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วงหลังโควิด ในขณะที่ตัวซัพพลายอาจจะเติบโตตามไม่ทัน รวมถึงในช่วงที่ผ่านมา ราคาน้ำมันถือว่าค่อนข้างถูก หนุนให้ผลประกอบการที่ผ่านมาค่อนข้างดี และคาดการแข่งขันมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น เนื่องจากซัพพลายของสายการบินต่าง ๆ ที่ทยอยกลับมาให้บริการตามปกติ

นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า การท่องเที่ยวในปีนี้ ยอมรับว่านักท่องเที่ยวจีนหดหายไปค่อนข้างมาก ขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่จีนยังคงค่อย ๆ ฟื้นตัวและมีแนวโน้มที่ดีอยู่ โดยคาดการณ์นักท่องเที่ยวทั้งปีอยู่ที่ 33.4 ล้านคน ซึ่งในไตรมาส 3 ปี 2568 คาดว่า นักท่องเที่ยวอยู่ที่ 7.4 ล้านคน มองว่าเดือนก.ย. น่าจะเป็นเดือนที่ต่ำสุดของครึ่งปีหลัง ก่อนที่ภาพรวมจะค่อย ๆ ฟื้นตัวในไตรมาส 4 ปี 2568 ต่อเนื่องไปถึงเดือนธ.ค.นี้

สำหรับหุ้น AOT น่าจะเติบโตจากไตรมาสก่อน ซึ่งผลประกอบการในไตรมาส 1 ปีงบประมาณใหม่ 2569 (งวดสิ้นเดือน ธ.ค.2568) คาดว่ากำไรจะยังคงเติบโตแบบไตรมาสต่อไตรมาส แต่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องการลดลงของผลประกอบการในเชิงเทียบกับปีก่อน เนื่องจากประเด็นนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก

นอกจากนี้ปัจจัยที่ต้องติดตามประเด็นที่ถือว่ามีน้ำหนักและเป็น Sentiment ที่อาจส่งผลต่อราคาหุ้นใน 1-2 เดือนข้างหน้า คือ แผนการปรับขึ้นค่าธรรมเนียม PSC ซึ่งราคาหุ้น AOT ได้มีการวิ่งขึ้นมาจากความคาดหวังต่อการขึ้น PSC ไปแล้ว และประเด็นสัญญาของสัมปทาน King Power

ส่วนหุ้น THAI แตกต่างจาก AOT ตรงที่รายได้หลักมาจากการดำเนินงานเส้นทางยุโรปและเอเชียที่ไม่ใช่จีน โดยเส้นทางจากจีนมีสัดส่วนรายได้ไม่เยอะ ประมาณ 5-6% เท่านั้น ดังนั้นผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนจึงจำกัด คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2568 ของ THAI มีแนวโน้มที่ดี