หุ้นไทยเปิดเช้านี้บวก 1.19 จุด รับแรงหนุน 3 ปัจจัย น้ำมันฟื้น เงินเยน ลุ้นเงินเฟ้อไทย

"หุ้นไทย"เปิดตลาดเช้าที่ 1,294.80 จุด ปรับขึ้น 1.19 จุด หรือ 0.09% นักวิเคราะห์เผย sideway up แต่อาจขึ้นได้ไม่มากนัก โดยมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,300-1,310 จุดแรงหนุน 3 ปัจจัย น้ำมันฟื้น เงินเยน ลุ้นเงินเฟ้อไทย
KEY
POINTS
- ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่มีโอกาสฟื้นตัว หลังจากกลุ่มโอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตในระดับที่น้อยกว่ารอบก่อนและเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งอาจช่วยให้หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงผู้นำคนใหม่ของญี่ปุ่นที่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ ส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นปัจจัยบวกเล็กน้อยต่อตลาดหุ้นไทย
- นักลงทุนรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของไทยในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะยังคงติดลบ และจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพิจารณาแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ในการประชุมกลางสัปดาห์
ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาด"หุ้นไทย"เปิดตลาดเช้า (6 ต.ค.2568) ที่ 1,294.80 จุด ปรับขึ้น 1.19 จุด หรือ 0.09% มูลค่าซื้อขาย รวมทั้งสิ้น 9,548.79 บาท
ภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายสายงานวิจัย บล.เอเชีย พลัส ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ภาวะตลาดหุ้นในช่วงเช้าวันนี้ (6 ต.ค.2568) ดัชนีเคลื่อนไหวในลักษณะ sideway up แต่อาจขึ้นได้ไม่มากนัก โดยมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,300-1,310 จุด
ทั้งนี้ ได้รับแรงหนุนเล็กน้อยที่ส่งผลต่อภาพรวมตลาดหุ้นมาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ราคาราคาน้ำมันมีโอกาสที่จะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาจากระดับต่ำ เนื่องจากกลุ่มโอเปกพลัส ได้มีการปรับเพิ่มกำลังการผลิตที่ 137,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มกำลังการผลิตในรอบนี้น้อยกว่ารอบที่แล้วอย่างชัดเจน โดยรอบที่แล้วมีการปรับขึ้นประมาณ 540,000 บาร์เรล การปรับขึ้นกำลังการผลิตที่น้อยลงและเป็นไปตามคาด อาจเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ หุ้นกลุ่มน้ำมัน อาทิ PTT หรือ PTTEP มีการรีบาวด์ และส่งผลให้ดัชนีขยับขึ้นได้เล็กน้อย
ขณะที่ญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำคนใหม่ ซานาเอะ ทาคาอิจิ ซึ่งนับเป็นผู้นำหญิงคนแรกของพรรคแกนนำรัฐบาลญี่ปุ่นที่เน้นไปในทิศทาง Conservative และจะใช้ นโยบายการคลังเป็นหลัก รวมถึงการคงระดับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในภาวะต่ำ
ทั้งนี้ความชัดเจนดังกล่าวทำให้ความคาดหวังเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของญี่ปุ่นในวันที่ 30 ต.ค.อาจจะถูกยกเลิกไป ส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วถึง 1.4% ในช่วงเช้าวันนี้ ในขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นกว่า 4% ภายในวันเดียว ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้คาดว่า เม็ดเงินมีโอกาสไหลเข้าสู่ฝั่งเอเชีย ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกเล็กน้อยสำหรับตลาดหุ้นไทย
"เมื่อค่าเงินเยนอ่อนค่าลง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า การแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้เงินบาทของไทยอ่อนค่าลง อย่างรวดเร็วโดยอ่อนค่าจากระดับ 31.5 บาท ขึ้นมาอยู่ที่ 32.4 บาท ซึ่งอาจทำให้การไหลเข้าของเงินทุนสู่ไทยมีโอกาสที่จะชะลอตัวลง ทำให้ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยเป็นกลางๆ คือ เงินไหลเข้าเอเชียแต่เอนเอียงไปทางญี่ปุ่นมากกว่า"
โดยวันนี้มีการรอติดตามตัวเลข เงินเฟ้อของไทย ซึ่งคาดว่าน่าจะติดลบเป็นเดือนที่ 6 โดยตลาดคาดการณ์ไว้ที่ -0.6% อย่างไรก็ตาม ด้วยค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเร็ว ประกอบกับนโยบายของพรรคภูมิใจไทยที่เริ่มเข้ามามีบทบาท ทำให้มีความคาดหวังว่า กนง. อาจจะยังไม่ลดดอกเบี้ย ในการประชุมวันที่ 8 ต.ค.นี้
อย่างไรก็ตามวันนี้ แนะนำหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า เช่น CPF และ MINT เก็งกำไรในหุ้น DELTA และกลุ่มพลังงาน PTT PTTEP เนื่องจากราคาน้ำมันเริ่มทยอยขยับขึ้น
นอกจากนี้ในส่วนของ Bitcoin ราคาพุ่งขึ้นมาแรง ได้รับคำตอบว่า โดยภาพรวมเกิดจากสภาพคล่องที่ล้นระบบ ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงเป็นจำนวนมาก ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีการไหลเข้า ETF ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้มากที่สุด และมีการไหลเข้า ทองคำ ETF มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเดียวกัน สภาพคล่องส่วนเกินนี้จึงเป็นปัจจัยบวกให้กับสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ เช่นกัน
วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) เปิดเผยว่า ภาพรวมของสหรัฐฯยังเผชิญกับปิดของหน่วยงานรัฐฯ (Government Shutdown) ซึ่งคาดว่ายังไม่กระทบต่อภาพเศรษฐกิจ แต่อาจกระทบต่อการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจบ้าง เช่น ตัวเลขการจ้างงาน เป็นต้น แต่อย่างไรก็ดียังคงมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯจากหน่วยงานภาคเอกชนให้เป็นตัวประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้ โดยวันศุกร์ที่ผ่านมามีการรายงานดัชนี ISM ภาคบริการ เดือน ก.ย. อ่อนตัวลงสู่ระดับ 50.0 จาก 52.0 ในเดือน ส.ค. ซึ่งต่ำกว่าคาดที่ 51.7 บ่งชี้ภาคบริการสหรัฐฯเริ่มอ่อนแอ และอยู่ในระดับที่ควรติดตาม
นอกจากนี้ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุม OPEC โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบปรับเพิ่มโควต้าผลิตน้ำมันอีก +1.37 แสนบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือน พ.ย. นี้ ซึ่งเพิ่มต่อเนื่องจากเดือน ต.ค.ที่ปรับเพิ่มโควต้า +1.37 แสนบาร์เรลเช่นเดียวกัน กดดันราคาน้ำมันดิบย่อตัวตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมากว่า -7%w-w
สำหรับปัจจัยในประเทศ วันนี้แนะติดตามการรายงานดัชนีเงินเฟ้อไทย ก.ย. โดยคาด CPI ยังคง -0.6%y-y ขณะที่ Core CPI ขยายตัวอ่อนๆ ที่ +0.75%y-y ซึ่งถือเป็นตัวเลขสำคัญส่วนหนึ่งที่ใช้ในการพิจารณาแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของไทย ซึ่งจะมีการประชุมในกลางสัปดาห์นี้ (8 ต.ค.) จึงแนะติดตามอย่างใกล้ชิด
หุ้นแนะนำวันนี้ CK ในช่วงที่ผ่านมาตลาดตอบรับปัจจัยกดดันจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ บริเวณหน้าวชิรพยาบาลที่ทรุดตัวไปในระดับหนึ่งแล้ว ขณะที่ยังคงต้องติดตามรอสาเหตุที่แท้จริงว่าเป็นเพราะการก่อสร้างหรือมาจากปัจจัยอื่น เช่น ท่อประปาแตก Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพง และผลประกอบการมีแนวโน้มที่ดี มองเป็นจังหวะทยอยสะสม ราคาเป้าหมาย 20.00 บาท






