หุ้นไทยเปิดเช้าบวก 13.80 จุด พุ่งตามตลาดหุ้นโลก ชัตดาวน์สหรัฐฯ กดดันสั้น

หุ้นไทยเปิดเช้าบวก 13.80 จุด พุ่งตามตลาดหุ้นโลก ชัตดาวน์สหรัฐฯ กดดันสั้น

ดัชนีตลาด"หุ้นไทย"เปิดตลาดเช้าวันนี้ (2 ต.ค.2568) ที่ 1,288.83 จุด ปรับขึ้น 13.80 จุด หรือ 1.08% นักวิเคราะห์เผย พุ่งตามตลาดหุ้นโลก ชัตดาวน์สหรัฐฯ กดดันระยะสั้น

KEY

POINTS

  • ตลาดหุ้นไทยเปิดเช้าวันที่ 2 ต.ค. 2568 ปรับตัวขึ้น 13.80 จุด หรือ 1.08% ตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก
  • ปัจจัยหนุนหลักมาจากตลาดประเมินว่าผลกระทบจากการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจมีจำกัดและไม่รุนแรง โดยคาดว่าหากกินเวลาราว 1 เดือน จะกระทบจีดีพีเพียง 0.2%-0.3%
  • นักวิเคราะห์มองว่าการชัตดาวน์เป็นเพียงปัจจัยกดดันชั่วคราว และเมื่อรวมกับตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นปัจจัยบีบให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นผลดีต่อตลาด
  • ผลกระทบจากการชัตดาวน์อาจทำให้การประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ เช่น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ล่าช้าออกไป

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาด"หุ้นไทย"เปิดตลาดเช้าวันนี้ (2 ต.ค.2568) ที่ 1,288.83 จุด ปรับขึ้น 13.80 จุด หรือ 1.08% มูลค่าซื้อขาย รวมทั้งสิ้น 3,434.09 บาท

หุ้นไทยเปิดเช้าบวก 13.80 จุด พุ่งตามตลาดหุ้นโลก ชัตดาวน์สหรัฐฯ กดดันสั้น

กรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และ นักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าวันนี้ปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากผลกระทบของการชัตดาวน์ รัฐบาลสหรัฐฯ ที่ตลาดมองว่ามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อย

ทั้งนี้ ผลกระทบจากการชัตดาวน์ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้น ตลาดประเมินว่า มีผลกระทบต่อวันน้อยมาก โดยคาดการณ์ผลกระทบอยู่ที่  0.015% ต่อวัน ซึ่งในอดีตการชัตดาวน์เคยเกิดขึ้นมาแล้วในยุคประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ซึ่งครั้งแรกกินเวลากว่า 30 วัน หากการชัตดาวน์ในรอบนี้ที่เป็นในรอบ 2 หากมีระยะเวลาเท่าเดิม หรือประมาณ 1 เดือนกว่า ผลกระทบจะอยู่ที่ประมาณ 0.2%-0.3% ของจีดีพี ตลาดจึงมองว่าผลกระทบไม่ได้รุนแรงมากนัก 

นอกจากนี้ ตัวเลขการจ้างงานเอกชน ที่เปิดเผยเมื่อวานนี้ก็ออกมาติดลบ แสดงให้เห็นว่ามีการเลิกจ้างเล็กน้อย ปัจจัยด้านความไม่แน่นอนสูงจากการชัตดาวน์ประกอบกับตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นตัวบังคับให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป หลังจากที่เพิ่งมีการปรับลดไป

สำหรับหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในเช้าวันนี้ โดยมีสัญญาณการเข้าซื้อหุ้นไทยให้เห็นตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1 ต.ค.2568) แล้ว แต่เน้นไปที่หุ้นรายตัวคือ DELTA พบว่า นักลงทุนต่างชาติ  ได้เข้าเปิดสัญญาซื้อทั้งในตลาด Spot และเปิดสัญญา Futures มาบางส่วน

ทั้งนี้มองว่า โอกาสที่หุ้นไทยจะขึ้นไปทดสอบระดับ 1,300 จุด มีความเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม หากจะให้การทดสอบเป็นไปอย่างมั่นใจ อาจจะต้องรอดูสัปดาห์หน้า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งความเห็นส่วนตัวมองว่า น่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากประเทศไทยยังมีความเสี่ยงอยู่มาก

โดยวันนี้มองกรอบดัชนีที่ 1,270 - 1,275 จัด ไม่น่าหลุดลงไป นั่นแสดงว่าหุ้นได้คอนเฟิร์มแล้วว่า ไม่ใช่การกลับเป็นขาลง แต่เป็นเพียงการพักฐานเท่านั้น เพราะฉะนั้นหากยืนเหนือระดับ 1,285 จุด และสามารถทดสอบผ่านระดับ 1,300 จุด ได้อีกครั้ง จะเป็นการยืนยันว่าเป็นการพักฐานเพื่อขึ้นต่อ นักลงทุนควรซีเล็กทีฟหุ้นอย่างระมัดระวังมากขึ้น เช่นย หุ้น CPALL KTB ยังแลกการ์ดรวมถึง STECON และหากดัชนีโดยรวมเกินระดับ 1,300 จุด ควรพิจารณาแบ่งขายทำกำไรสำหรับหุ้นชุดที่ได้กล่าวมาแล้ว 

วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะ Government Shutdown หรือการปิดหน่วยงานของรัฐบาล โดยรอบนี้สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการไม่ลงรอยกันเกี่ยวกับระบบสาธารณสุขของคนอเมริกัน ซึ่งอาจจะสูญเสียการเข้าถึงการรักษาพยาบาลและประกันสุขภาพในราคาที่เข้าถึงได้ โดยเราคาดว่าประเด็นนี้จะไม่ยืดเยื้อ เป็นเพียงปัจจัยกดดันชั่วคราวเท่านั้น คาดไม่กระทบต่อตลาดหุ้น แต่อาจกระทบต่อข้อมูลเชิงเศรษฐกิจต่างๆ ที่รายงานจากหน่วยงานภาครัฐฯอาจจะประกาศล่าช้าออกไปได้ เช่น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร US เดือน ก.ย. ที่มีกำหนดจะรายงานในวันศุกร์นี้ ดังนั้นช่วงนี้ตลาดอาจจะต้องอ้างอิงตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ จากหน่วยงานภาคเอกชนก่อน

โดยตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดที่ยังสามารถประกาศออกมาเมื่อวานได้ เช่น ISM ภาคการผลิต เดือน ก.ย. อยู่ที่ระดับ 49.1 เพิ่มจาก 48.7 และดีกว่าคาดเล็กน้อยที่ 49.0 แต่ก็สะท้อนภาพการผลิตที่หดตัวเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน นอกจากนี้ยังมีตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ US ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 1.79 ล้านบาร์เรล สวนตลาดคาดจะหดตัว 1.48 แสนบาร์เรล กดดันราคาน้ำมันดิบย่อในระยะสั้น

ด้านปัจจัยในประเทศ ยังคงรอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นปัจจัยฟื้นความเชื่อมั่น โดยเรายังแนะย่อสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่แนวโน้มกำไรยังขยายตัว คาด SET วันนี้ “Sideways” ในกรอบ 1260-1280 จุด

โดยหุ้นแนะนำวันนี้ CPAXT คาดแนวโน้มกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัว ดีกว่าครึ่งปีแรก และดีกว่าที่ตลาดเคยประเมินไว้ จาก SSSG ที่มีโอกาสฟื้นตัว สอดคล้องกับภาคการบริโภคที่จะดีขึ้น ตามการเข้าสู่ช่วงฤดูกาล โอกาสที่ภาครัฐฯจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะการกระตุ้นภาคการบริโภค ถือเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก ราคาเป้าหมาย 24 บาท