"ชนินทธ์ " DUSIT งัดปม "เซ็นทรัล" ค้าแข่ง จี้ผูกขาดมีอำนาจเหนือตลาดก่อนประชุมผู้ถือหุ้น 4 ธ.ค.68

"ชนินทธ์ " DUSIT  งัดปม "เซ็นทรัล" ค้าแข่ง จี้ผูกขาดมีอำนาจเหนือตลาดก่อนประชุมผู้ถือหุ้น 4 ธ.ค.68

"ชนินทธ์ " DUSIT เปิดหน้างัดประเด็น "เซ็นทรัล" แข่งขันการค้ามาตลอด หากเข้ามาบริหารโอกาสดึงข้อมูลฐานลูกค้า และกลยุทธ์มีมูลค่ามหาศาลทางธุรกิจสร้างประโยชน์ให้กับคู่แข่ง ดึงคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเข้ามาตัดสินใจก่อนประชุม 4 ธ.ค.68

 

นายชนินทธ์ โทณวณิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และรักษาการประธานกรรมการ
บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT  ออกแถลงการณ์กรณีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568  

 "ทุกท่านคงจะทราบดีถึงการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ของบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งการประชุมได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วใน 3 วาระแรก และให้เลื่อนการประชุมวาระที่เหลือไปเป็นวันที่ 4 ธันวาคม 2568 เวลา 14.00 น.  ผมขอถือโอกาสนี้ ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน ดังนี้

 

 

       

     1. ในวาระยื่นถอดถอนผมออกจากการเป็นกรรมการบริษัทนั้น คณะกรรมการบริษัท (ชุดปัจจุบัน) ไม่ได้เป็นผู้เสนอให้มีการถอดถอน รวมทั้งมิได้เป็นผู้เสนอให้แต่งตั้งกรรมการใหม่ และเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการบริษัท แต่ทั้งหมดนั้น เป็นการเสนอโดยผู้ถือหุ้นใหญ่รายหนึ่ง (บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด) โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 100 แห่ง พ.ร.บ.บริษัทมหาชน จำกัด พ.ศ.2535 ให้บริษัท เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาวาระดังกล่าว

      2. ในวาระที่ 3 เรื่องการพิจารณาถอดถอนผมออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทนั้น มีจำนวนหุ้นที่ลงมติเห็นด้วยกับการถอดถอนจำนวน 425,356,690 หุ้น ซึ่งพบว่า เป็นหุ้นของบริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด (ซึ่งเป็นผู้ร้องขอให้มีการจัดประชุมครั้งนี้) จำนวน 422,821,310 หุ้น และเป็นของบุคคลอื่นอีก 2,535,380 หุ้น เท่านั้น นั่นแสดงว่าผู้ถือหุ้นที่เหลืออีกเป็นจำนวนมาก (บริษัท มีจำนวนหุ้นจดทะเบียนทั้งหมด 850 ล้านหุ้น) มิได้เห็นด้วยกับการถอดถอนกรรมการก่อนครบวาระในครั้งนี้

       3.การเลื่อนวาระการประชุมที่เหลือ (การพิจารณาอนุมัติเพิ่มจำนวนกรรมการ แต่งตั้งกรรมการเข้าใหม่ และเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการ) ออกไปเป็นวันที่ 4 ธันวาคม 2568 ก็เพื่อคุ้มครองประโยชน์ได้เสียของผู้ถือหุ้นรายย่อย และนักลงทุนโดยทั่วไป ให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นธรรม และเท่าเทียม ในประเด็นที่ยังไม่มีความชัดเจน ในเรื่องที่มีผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมถึงคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ถึงการกระทำที่อาจเข้าข่ายร่วมกับบุคคลอื่นเพื่อครอบงำกิจการของบริษัท และอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำการรวมธุรกิจอันอาจก่อให้เกิดการผูกขาดหรือการเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมได้ชี้แจง และทำความเข้าใจในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นแล้วว่า ธุรกิจของกลุ่มดุสิตธานีหลายธุรกิจ เหมือนกับธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งมีการแข่งขันด้านการค้ากันมาโดยตลอด ดังนั้น ในหลักการประกอบธุรกิจทั้งทางดุสิตธานี และกลุ่มเซ็นทรัล ย่อมต้องทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ธุรกิจของตนเอง ซึ่งในปัจจุบันนี้ ธุรกิจของดุสิตธานีประสบความสำเร็จอย่างมากในทุกมิติ หากดุสิตธานีจะต้องมีกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงที่มาจากกลุ่มเซ็นทรัล ย่อมหมายความว่า ทิศทางการบริหารของดุสิตธานีจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของคู่แข่งขันทางการค้า

 

นอกจากนี้ กลุ่มเซ็นทรัลยังสามารถเข้าถึง และใช้ข้อมูลภายในองค์กร เช่น ฐานลูกค้า และกลยุทธ์ในการบริหารงานด้านต่างๆ ของดุสิตธานีได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมงานดุสิตธานีสั่งสมมา และมีมูลค่ามหาศาลทางธุรกิจ แต่กลับจะถูกนำไปสร้างประโยชน์ให้กับคู่แข่ง ซึ่งอาจทำให้ดุสิตธานีเสียหายจนยากจะแก้ไข ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้น คู่ค้า รวมถึงผู้บริโภคที่จะขาดตัวเลือกในการแข่งขัน เพราะแบรนด์ดุสิตธานีอาจหายไปจากตลาดได้

สำหรับการพิจารณาในวาระที่ 3 ที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด) ยื่นถอดถอนผม ซึ่งปรากฏว่า ผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุม และมีสิทธิออกเสียง จำนวน 420 ราย คิดเป็น 86.9565% ของจำนวนผู้เข้าประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน “ไม่เห็นด้วย” ทำให้วาระดังกล่าวไม่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งผมต้องถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยทุกท่าน ที่ได้ร่วมกันปกป้องและสนับสนุนให้ “ดุสิตธานี” ยังคงดำเนินการภายใต้การบริหารงานของคณะกรรมการชุดเดิม เพื่อเกียรติ และศักดิ์ศรีของแบรนด์ไทย

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คณะกรรมการชุดปัจจุบัน รวมถึงคณะกรรมการที่พ้นวาระ และไม่ได้รับการเสนอให้กลับมาดำรงตำแหน่ง คณะผู้บริหาร และพนักงานของดุสิตธานีทุกคน ได้ทำงานด้วยความมุ่งมั่น และตั้งใจจริง เพื่อให้ดุสิตธานีสามารถปรับตัว และก้าวต่อไปอย่างสง่างามในยุคใหม่ จุดเปลี่ยนสำคัญ คือ ช่วงเวลาที่ต้องรื้อโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ แห่งเดิม ซึ่งหากไม่ลงมือทำอะไรเลย ดุสิตธานีก็อาจไม่สามารถแข่งขันได้อีกต่อไป เราจึงตัดสินใจริเริ่มโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” เพื่อยกระดับดุสิตธานีให้ก้าวทันโลก แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทยไว้ในทุกมิติ ผม และทีมงานได้หาพันธมิตร ร่วมกันวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้โครงการสำเร็จได้โดยไม่สร้างภาระให้แก่ผู้ถือหุ้น

 แม้ช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุด คือ ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจโรงแรมทั่วโลก แต่พวกเราไม่เคยหยุดนิ่งหรือยอมแพ้  ยังคงเดินหน้าอย่างมุ่งมั่นเพื่อให้โครงการดำเนินต่อไปได้โดยไม่ต้องเพิ่มทุน และไม่รบกวนผู้ถือหุ้น การตัดสินใจในครั้งนั้น เกิดจากความตั้งใจที่จะรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเดิมให้ดีที่สุด

ผลจากความร่วมแรงร่วมใจ และศรัทธาของทุกฝ่าย วันนี้ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความพยายามไม่สูญเปล่า และโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ สามารถกลับมาเปิดให้บริการอย่างสมศักดิ์ศรี ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย  

ขณะเดียวกัน “สวนดุสิต อรุณ” สวนลอยฟ้ากว่า 7 ไร่ ซึ่งเราทุ่มเทแรงใจ และการลงทุนอย่างมาก เพื่อสร้างเป็นพื้นที่สีเขียวแห่งใหม่ให้คนกรุงเทพฯ ได้พักผ่อน และตั้งใจให้สวนแห่งนี้เป็นหัวใจของโครงการที่สะท้อนอัตลักษณ์ความใส่ใจต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม ก็ได้รับการตอบรับจากสาธารณชนเป็นอย่างดี จนกลายเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้โครงการนี้แตกต่างอย่างแท้จริง  

ในขณะเดียวกัน โครงการที่พักอาศัย “ดุสิต เรสซิเดนเซส” ก็ประสบความสำเร็จในการขายกว่า 90% และจะสร้างรายได้จำนวนมากให้แก่บริษัท ส่วนอาคารสำนักงาน และศูนย์การค้าก็เปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ท่ามกลางความสำเร็จของดุสิตธานีในวันนี้ ผมรู้สึกซาบซึ้ง และตื้นตันใจอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นพลังของความเชื่อมั่นที่ทุกท่านมอบให้ ไม่เพียงต่อผมในฐานะทายาทผู้ก่อตั้ง กรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  แต่ยังรวมถึงความศรัทธาที่ทุกท่านมีต่อ “ดุสิตธานี” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นไทย และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่เราทุกคนภาคภูมิใจร่วมกัน

ผมขอให้คำมั่นสัญญาว่า จะยังคงทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส และยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล เพื่อให้ “ดุสิตธานี” ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง และเป็นมรดกที่ยั่งยืนสู่คนรุ่นหลัง ตามเจตนารมณ์ของท่านผู้ก่อตั้ง"

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์