‘ดัชนีบัฟเฟตต์’ พุ่งทำสถิติ 217% สัญญาณเตือน ‘ฟองสบู่’

‘ดัชนีบัฟเฟตต์’ พุ่งทำสถิติ 217% สัญญาณเตือน ‘ฟองสบู่’

‘ดัชนีบัฟเฟตต์’ พุ่งทำสถิติ 217% สูงกว่าช่วงวิกฤติดอทคอม สัญญาณเตือนภาวะ ‘ฟองสบู่’ ในตลาดหุ้นสหรัฐ ชี้ตลาดวิ่งเร็วกว่าเศรษฐกิจ

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ความกังวลเรื่องภาวะ “ฟองสบู่” ในตลาดหุ้นสหรัฐปะทุขึ้นอีกครั้ง เมื่อ "ดัชนีบัฟเฟตต์" ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่นักลงทุนระดับตำนานอย่าง 'วอร์เรน บัฟเฟตต์' (Warren Buffett ) เคยชื่นชม ได้พุ่งทะยานสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 217% ซึ่งสูงกว่าช่วงฟองสบู่ดอทคอมเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว

ดัชนีบัฟเฟตต์คืออะไร?

ดัชนีบัฟเฟตต์ คือ ดัชนีที่คำนวณจาก มูลค่ารวมของตลาดหุ้นสหรัฐ (ดัชนี Wilshire 5000) เทียบกับ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP  

‘ดัชนีบัฟเฟตต์’ พุ่งทำสถิติ 217% สัญญาณเตือน ‘ฟองสบู่’

บัฟเฟตต์เคยกล่าวไว้ในนิตยสาร Fortune เมื่อปี 2544 ว่านี่คือ "อาจเป็นมาตรวัดเดี่ยวที่ดีที่สุดสำหรับการประเมินมูลค่า ณ ขณะใดขณะหนึ่ง" และนักลงทุนชื่อดังหลายคน เช่น Paul Tudor Jones ก็ให้ความสำคัญกับตัวบ่งชี้นี้ในการประเมินว่าตลาดหุ้นอยู่ในภาวะที่เหมาะสมกับการลงทุนหรือไม่

“หากอัตราส่วนลดลงเหลือ 70% หรือ 80% การซื้อหุ้นน่าจะได้ผลดีมาก หากอัตราส่วนเข้าใกล้ 200% เหมือนที่เกิดขึ้นในช่วงฟองสบู่ดอทคอมในปี 2542-2543 คุณก็กำลังเล่นกับไฟ"

ปัจจุบัน ดัชนีดังกล่าวพุ่งไปถึง 217% ซึ่งสูงกว่าจุดสูงสุดในช่วงดอทคอมที่เข้าใกล้ 150% และสูงกว่าช่วงที่หุ้นพุ่งขึ้นแรงในยุคโควิด-19 ปี 2564 ที่เคยทำไว้ 190% อย่างมาก

ตลาดวิ่งเร็วกว่าเศรษฐกิจ แรงหนุนจาก AI

ตามมาตรฐานของดัชนีนี้ ตลาดหุ้นกำลังเข้าสู่ ภาวะที่ไม่เคยมีใครเห็น เนื่องจากมูลค่าหุ้นกำลังขยายตัวเร็วกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐโดยรวมมาก การเติบโตนี้ส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ทุ่มเงินมหาศาลในการพัฒนา ปัญญาประดิษฐ์ หรือว่า AI และได้รับผลตอบแทนอย่างทวีคูณจากแนวโน้มการเติบโตของนวัตกรรมใหม่นี้

นอกจากนี้ อัตราส่วนราคาต่อยอดขาย (Price-to-Sales Ratio) ของ ดัชนี S&P 500 ก็ส่งสัญญาณคล้ายกัน โดยพุ่งขึ้นเป็น 3.33 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตลอดกาล เทียบกับจุดสูงสุดของดอทคอมในปี 2543 ที่ 2.27

ดัชนีอาจ ‘ล้าสมัย’

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนแย้งว่า ดัชนีบัฟเฟตต์อาจไม่ได้ “แม่นยำ” เท่าเดิมอีกต่อไป เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีการลงทุนในสินทรัพย์ที่จับต้องได้อย่างโรงงานน้อยลง แต่กลับขับเคลื่อนด้วย เทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ และทรัพย์สินทางปัญญามากขึ้น

รวมทั้ง มีการตั้งข้อสังเกตว่า GDP อาจประเมินมูลค่าของเศรษฐกิจที่เน้นนวัตกรรมต่ำกว่าความเป็นจริง ดังนั้น การที่มูลค่าหุ้นขยายตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับ GDP จึงอาจสมเหตุสมผลสำหรับสิ่งที่ยังคงเป็นเศรษฐกิจที่มีผลิตภาพและนวัตกรรมมากที่สุดในโลก

ท่าทีของบัฟเฟตต์

แม้ว่าบัฟเฟตต์จะไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อตัวชี้วัดนี้มานานหลายปี แต่การกระทำของเขาในช่วงที่ดัชนีพุ่งสูงก็เป็นสิ่งที่น่าจับตา ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Berkshire Hathaway ได้สร้าง ป้อมปราการ “เงินสด” จำนวนมหาศาล โดยมีเงินสดสะสมถึง 3.44 แสนล้านดอลลาร์ และมีการขายหุ้นเป็นไตรมาสที่ 11 ติดต่อกัน

นักลงทุนมองว่า แม้ดัชนีบัฟเฟตต์จะถูกมองว่าล้าสมัย แต่เมื่อรวมกับท่าทีระมัดระวังของ "เทพพยากรณ์แห่งโอมาฮา" ที่เตรียมเงินสดไว้มหาศาล ก็เป็นสัญญาณที่ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามถึงความยั่งยืนของตลาดหุ้นในปัจจุบัน

อ้างอิง CNBC