ดอกเบี้ยขาลงจุดพลุ ‘Search for Yield’ โบรกยกโอกาสลงทุน ‘หุ้นปันผลสูง’

ดอกเบี้ยขาลงจุดพลุ ‘Search for Yield’ โบรกยกโอกาสลงทุน ‘หุ้นปันผลสูง’

แนวโน้มดอกเบี้ยขาลงทั่วโลกและในไทย กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าสู่ภาวะ "Search for Yield" หรือการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น ทำให้ "หุ้นปันผลสูง" (SETHD) กลายเป็นทางเลือกการลงทุนที่โดดเด่น

KEY

POINTS

  • แนวโน้มดอกเบี้ยขาลงทั่วโลกและในไทย กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าสู่ภาวะ "Search for Yield" หรือการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น ทำให้ "หุ้นปันผลสูง" (SETHD) กลายเป็นทางเลือกการลงทุนที่โดดเด่น
  • นักวิเคราะห์แนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นที่เข้าเกณฑ์ทั้ง "ปันผลสูง" (High Dividend) และ "มีคุณภาพสูง" (High Quality) คือมีกำไรที่ยั่งยืนและกระแสเงินสดมั่นคง ไม่ใช่แค่มีอัตราปันผลสูงเพียงอย่างเดียว
  • หุ้นกลุ่มปันผลสูงมีสถิติที่น่าสนใจ โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาด (Outperform SET Index) และคาดว่าแนวโน้มนี้จะยังคงอยู่ต่อไป
  • กลุ่มอุตสาหกรรมที่โบรกเกอร์มองว่าน่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร, กลุ่มธนาคาร (ที่ฐานะการเงินแข็งแกร่งและราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี), และกลุ่มพลังงาน (เช่น PTTEP) ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์แนะนำให้เลือกเป็นรายตัว (เช่น AP)
  • แม้ผลบวกจากการลดต้นทุนทางการเงินอาจมีจำกัด แต่การลดดอกเบี้ยจะช่วยสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายและกระตุ้นกำลังซื้อ ซึ่งเป็นผลดีต่อกลุ่มค้าปลีก, บัตรเครดิต และกลุ่มโรงไฟฟ้าที่

ท่ามกลางวัฏจักร “ดอกเบี้ยขาลงทั่วโลก” นักลงทุนต่างจับตาทิศทาง “ตลาดการเงิน” และ “โอกาสการลงทุนใหม่ๆ” โดยเฉพาะในไทยที่คาดว่า อัตราดอกเบี้ยอาจลดลงเหลือเพียง 1% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่เพียงช่วยผ่อนคลายบรรยากาศการลงทุน แต่ยังทำให้ “หุ้นปันผลสูง” หรือ SETHD และคุณภาพดี กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ “โดดเด่น” และน่าจับตามองมากขึ้น

ดอกเบี้ยขาลงจุดพลุ ‘Search for Yield’ โบรกยกโอกาสลงทุน ‘หุ้นปันผลสูง’

กรรณ์ หทัยศรัทธา” หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และ นักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ทิศทางดอกเบี้ยทั่วโลกยังคงปรับตัวลดลงทั้งในไทยและสหรัฐ โดยคาดว่าไทยอัตราดอกเบี้ยอาจลดลงเหลือ 1% ถ้วนภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งหมายถึงโอกาสในการปรับลดลงอีก 2 ครั้ง

ขณะที่ สหรัฐคาดอัตราดอกเบี้ยสำหรับสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 3.75-4% เมื่อดอกเบี้ยปรับลดลง จะเกิดภาวะที่เรียกว่า Search for Yield หรือ การแสวงหาผลตอบแทน ทำให้นักลงทุนมองหา “ผลตอบแทนที่สูงขึ้น” โดยเฉพาะการหาปันผลหรือผลตอบแทนที่จูงใจ ดังนั้น หุ้นกลุ่ม SETHD จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความสนใจ

ภายใต้สภาวะดอกเบี้ยขาลงรอบนี้ การเลือกหุ้นจะต้องดำเนินการอย่างคัดสรร โดยเน้นย้ำถึงหลักเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้น คือการเลือกหุ้นที่มี High Quality หรือ มีคุณภาพสูง และ High Dividend หรือปันผลสูงด้วย ซึ่งต้องวิเคราะห์หุ้นตัวนั้น ๆ มีกำไรที่สามารถยืนได้ รวมถึงมีกระแสเงินสดมั่นคง และเป็นบริษัทขนาดใหญ่ เพราะการเลือกเพียงแค่หุ้นที่มีปันผลสูงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากหุ้นบางตัวที่มีปันผลสูงในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์หรือไฟแนนซ์ อาจไม่ใช่หุ้นที่มีคุณภาพสูง ดังนั้น การเลือกหุ้นที่ได้ทั้งสองแบบพร้อมกันจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล” ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ กล่าวว่า หุ้นกลุ่มปันผลสูง หรือหุ้น SETHD มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง สำหรับการลงทุนในช่วงที่อยู่ในภาวะดอกเบี้ยขาลง เนื่องจากตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา หุ้นในกลุ่มดังกล่าวมีผลดำเนินงานที่เหนือกว่าตลาด หรือ Outperform เมื่อเทียบกับ SET Index ในทุกปีติดต่อกัน และแนวโน้มดังกล่าวน่าจะยังคงอยู่ต่อไป

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจและการเลือกรายตัวในการเลือกลงทุน หุ้นกลุ่มต่างๆ ได้แก่ “กลุ่มสื่อสาร”

ขณะที่ “กลุ่มอสังหาริมทรัพย์” แม้จะมีหุ้นหลายตัวที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่ทว่าอาจไม่ได้ชื่นชอบกลุ่มอสังหาริมทรัพย์โดยรวมมากนัก เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการชะลอตัว และธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อที่ค่อนข้างเข้มงวด หากต้องเลือกลงทุน ควรเลือกเป็นรายตัว โดยแนะนำ AP เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะถือว่ามีความท้าทายค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับตัวอื่นๆ ที่แม้จะให้ปันผลสูง แต่ผลประกอบการอาจจะชะลอตัวลงในช่วงนี้

ส่วน “กลุ่มธนาคาร” เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่คาดน่าจะมีผลดำเนินงานที่ดีได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูง รวมถึงราคาหุ้นกลุ่มธนาคารส่วนใหญ่ยังถูก ซึ่งมีราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value) การเลือกหุ้นจึงควรเน้นที่ตัวที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง

กิจพณ ไพรไพศาลกิจ” รองกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงในรอบนี้กลุ่มที่ได้รับประโยชน์คือกลุ่มที่มีต้นทุนทางการเงินลดลง แต่ทว่า เมื่อพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันพบว่า โอกาสการลดลงของต้นทุนทางการเงินในไทยอาจมีไม่มากนัก เนื่องจากแม้สหรัฐอาจมีการลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง 4-6 ครั้ง แต่ไทยคาดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้นจากระดับปัจจุบัน ด้วยเหตุดังกล่าวกลุ่มที่คาดหวังผลดีจากต้นทุนการเงินที่ลดลง เช่น กลุ่มจำนำทะเบียนรถ อาจไม่ได้รับผลประโยชน์มากนัก

ทั้งนี้ การลดลงของดอกเบี้ยสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้บรรยากาศของการลงทุนและบรรยากาศของความผ่อนคลายดีขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน ภาพรวมของหุ้นในรอบนี้ในแนวทางที่บวกต่อกำลังซื้อมากกว่าการได้รับผลดีในเชิงของต้นทุนทางการเงิน

อย่างไรก็ดี กลุ่มที่ได้รับผลดีจากกำลังซื้อและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ได้แก่ กลุ่มบัตรเครดิต ขณะที่ กลุ่มค้าปลีกได้รับผลดีจากกำลังซื้อและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงค้าปลีกขนาดเล็ก ซึ่งเป็นค้าปลีกในพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้ และกลุ่มโรงไฟฟ้าคาดจะได้ผลดีในเชิงของ Valuation จากการที่ดอกเบี้ยลด

ขณะที่ อีกกลุ่มหนึ่งที่อาจได้รับผลดีจากการลดดอกเบี้ยรอบนี้คือ กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินบาท ได้แก่กลุ่มพลังงานจากการที่สามารถซื้อน้ำมันถูกลง เนื่องจากปริมาณการซื้อของกลุ่มพลังงานไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่เมื่อราคาน้ำมันดิบลงและการแปลงอัตราแลกเปลี่ยนถูกลงด้วย ทำให้ใช้เงินในการดำเนินงานน้อยลง หุ้นเด่นคือ PTTEP ที่ให้ปันผลสูงเช่นกัน