17 โบรก ไม่ทน! ยื่น ก.ล.ต. ปิดช่องโหว่เกณฑ์ ‘ขายชอร์ต‘ เพิ่มโปร่งใส

17 โบรกเกอร์รวมตัวยื่น4ข้อเสนอ ก.ล.ต.ปรับเกณฑ์ขายชอร์ต -Naked Short หวังลดความเสี่ยง เพิ่มความโปร่งใสตลาดทุนไทย เร่งพิจารณากลับภายใน 15 วัน
KEY
POINTS
- กลุ่ม 17 บริษัทหลักทรัพย์ยื่นข้อเสนอต่อ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อปิดช่องโหว่และเพิ่มความโปร่งใสของเกณฑ์การขายชอร์ต (short sell)
- เสนอให้ยกเลิกแนวทางการยืมหุ้นแบบ Locate เนื่องจากมีความเสี่ยงเชิงระบบ สร้างความไม่เท่าเทียม และอาจเข้าข่ายการทำ Naked Short ที่ผิดกฎหมาย
- เรียกร้องให้เพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลเพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงเกณฑ์ Uptick Rule และทบทวนกระบวนการตรวจสอบธุรกรรมให้รัดกุมโดยใช้เอกสารหลักฐานที่ตรวจสอบได้
17 บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ รวมเสียงเสนอ 4 ข้อเรียกร้องถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต. ) หลังร่วมประชุมสมาชิกสัมพันธ์เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา เพื่อหารือแนวทางกำกับดูแลธุรกรรมการขายชอร์ตและการขายหลักทรัพย์โดยไม่มีหลักทรัพย์ในครอบครอง (Naked Short)
แม้ชื่นชมการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการ แต่กลุ่มโบรกเกอร์ยังคงมีข้อกังวลต่อความไม่ชัดเจนของแนวทางตรวจสอบ การตีความกฎเกณฑ์ และความสอดคล้องของประกาศที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ "การยืมหุ้นแบบ Locate " ที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงเชิงระบบและความไม่เท่าเทียมในการแข่งขัน
แหล่งข่าวในวงการตลาดทุน เปิดเผย กรุงเทพธุรกิจ ว่า จากการติดตามความคืบหน้าและข้อเสนอแนะแนวทางเพิ่มเพิ่มเติม ในเรื่องการขายหลักทรัพย์โดยที่ยังไม่มีหลักทรัพย์นั้นอยู่ในครอบครองในตลาดทุนไทย และการตรวจสอบการขายชอร์ต ครั้งที่ 2 ทางกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์
จึงมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ขอเสนอให้พิจารณายกเลิกแนวทางการยืมหุ้นแบบ Locate เนื่องจากข้อจำกัดเชิงโครงสร้างของ ตลาดทุนไทย และความไม่ชัดเจนของหลักเกณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งจากประกาศของสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเฉพาะตามประกาศ ทธ. 47/2552 ข้อ 6 ที่กำหนดให้ “ต้องจัดหาแหล่งยืมหุ้นไว้ให้พร้อมก่อนการชอร์ต” นั้น ปรากฏว่า การตีความในทางปฏิบัติได้นำไปสู่ลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยง ดังนี้
1.1 Over Locate และ Double Allocation: มีการอ้างแหล่งยืมหุ้นจากบุคคลภายนอกแหล่งเดียวกัน เพื่อรองรับคำสั่งขายชอร์ตหลายรายการ โดยที่คำสั่งยังไม่ March ทำให้ไม่เกิดการะการส่งมอบ และนำไปสู่การ Over-Commmit ได้
1.2 ความไม่เท่าเทียมและความเสี่ยงด้านราคาตลาด: นักลงทุนสถาบันต่างประเทศได้รับสิทธิประ โยชน์ที่สูงกว่านักลงทุนในประเทศ และการ Locate ในตลาดที่มี Liquidity ต่ำ อาจก่อให้เกิด False Market ได้
1.3 ข้อจำกัดตามกฎหมายหลักทรัพย์: การอนุญาตให้ตั้งคำสั่งขายโดยไม่มีการยืมหุ้น หากไม่ Match ก็ไม่ต้องดำเนินการยืม อาจเข้าข่ายการทำ Naked Short ซึ่งไม่อยู่ในข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ
2. ในระหว่างที่อยู่ระหว่างการพิจารณายกเลิกการยืมหุ้นแบบ Locate อย่างถาวร กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์เห็นควรให้มีมาตรการควบคุมและตรวจสอบธุรกรรม Locate ในระยะสั้นอย่างเร่งด่วน เพื่อรักษาไว้ซึ่งความเป็นธรรม ความโปร่งใสและลดความเสี่ยงเชิงระบบ โดยมีข้อเสนอ ดังนี้
2.1 การแจ้งให้เจ้าของหุ้นทราบทุกครั้งที่มีการ Locate บริษัทหลักทรัพย์ต้องแจ้งให้เจ้าของหุ้นทราบทันทีเมื่อมีการนำหุ้นของตนไปใช้เป็นแหล่งยืมสำหรับวางคำสั่งขาย ไม่ว่าคำสั่งจะ Match หรือไม่ โดยอาจมีสัญลักษณ์แสดงสถานะพร้อมส่ง Confirmationระบุผลตอบแทนและการใช้สิทธิให้ครบถ้วน
2.2 ระบบควบคุม Over Locate และ Double Allocation ต้องมีระบตรวจสอบไม่ให้หุ้นเดียวกันถูกใช้รองรับหลายคำสั่งพร้อมกันจนเกิดความเสี่ยงต่อการ False Market
2.3 การจ่ายค่าธรรมเนียมอย่างเป็นธรรม: แม้คำสั่งขายจะไม่ Match บริษัทต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้เจ้าของหุ้น พร้อมแสดงรายละเอียดในสัญญาและใน Confimmation ที่ส่งให้ลูกค้า
2.4 การห้ามนำพื้นที่ใช้ Hedge ในการทำธุรกรรม Block Trade มาทำ Locate: เพื่อป้องกัน Conflict of Interest และการเอาเปรียบลูกค้าที่เปิดสถานะ Long Fature ควรห้ามใช้หุ้นที่ Hedge Block Trade ไปทำ Locate ให้บุคคคลอื่น (ข้อเสนอเพิ่มเติม: หากยังไม่มีข้อห้ามในขณะนี้ ขอให้บริษัทหลักทรัพย์ ที่ทำ Block Trade ต้องแจ้งลูกค้าอย่าง
โปร่งใสว่า หุ้น Hedge ดังกล่าวอาจถูกนำไป Locate ได้)
2.5 การตรวจสอบธุรกรรม Locate ย้อนหลัง: ขอให้ตรวจสอบว่าแต่ละคำสั่งมีการยืมหุ้นจริงหรือไม่ มี Over Locate หรือไม่ และมีการจ่ายค่าธรรมเนียมหรือไม่ ในอัตราที่เหมาะสม
2.6 การวางหลักประกัน: นักลงทุนต่างชาติสามารถวางหลักประกันเพียง 100% ของมูลค่าหุ้นที่ยืม ขณะที่นักลงทุนทั่วไปต้องวาง 150% ขอให้มีการทบทวนให้เท่าเทียมกันในระบบธุรกรรม SBL
3. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ขอเสนอให้มีการทบทวนและเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลธุรกรรมขายชอร์ตที่อาจเลี่ยงการบังคับใช้เกณฑ์ Uptick Rule โดยเฉพาะในกรณีที่ลูกค้ายืมหุ้นเพียงครั้งเดียว แต่สามารถนำไปใช้ขายซ้ำหลายรอบ โดย
ไม่ต้องระบุสถานะการขาย (Flag "S") และไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดของ Uprick Rule ซึ่งอาจทำให้ทำให้สามารถขายหุ้นฝั่ง BIDได้แม้ในช่วงที่ตลาดประกาศห้าม Short Sell
ดังนั้น กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ มีข้อเสนอเพื่อความโปร่งใส ดังนี้
- ควรกำหนดให้หุ้นที่ถูกยืมมายังคงอยู่กายใต้เงื่อนไขของ "การขายชอร์ต" ตลอดระยะเวลาที่ยังไม่ได้คืนอย่างแท้จริง
- การขายหุ้นซ้ำจากหุ้นที่ยืมมา แม้ลูกค้าจะเคยซื้อคืนชั่วคราว ควรถูกจัดอยู่ในธุรกรรม Short Sell และต้องแสดง Flag "S" ทุกครั้ง
- เพื่อให้การควบคุมตาม Upick Rule มีประสิทธิภาพ และป้องกันการหลีกเลี่ยงข้อกำหนดในทางเทคนิคที่อาจกระทบต่อความเป็นธรรมของตลาด
4 . ข้อแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการ "พันยอด" ในการตรวจสอบ โดยขอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทบทวนแนวทางการตรวจสอบธุรกรรมขายชอร์ตที่ใช้วิธี "พันยอด" ตามที่นำเสนอ ในที่ประชุม เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 เนื่องจากการยอมรับยอดคงเหลือต้นวัน โดยอ้างอิงเพียงอีเมลยืนยันจากเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตรวจสอบเอกสารหรือสัญญายืมหุ้น อาจนำไปสู่การรับรองยอดที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
" ข้อเสนอ ควรใช้เฉพาะข้อมูลที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้จากเอกสารที่เป็นหลักฐาน เช่น สัญญายืมหุ้น หลักฐานการซื้อขาย และการยินยอมจากเจ้าของหุ้นตัวจริงเท่านั้น งดเว้นการใช้คำบอกเล่า หรืออีเมลที่ไม่มีเอกสารสนับสนุน เพื่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการตรวจสอบ"
ทั้งนี้ เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของตลาดทุนไทยและเสริมสร้างความเท่าเทียมในการลงทุน จึงใคร่ขอให้แจ้งผล การพิจารณาข้อเสนอทั้ง 4 ข้อข้างต้น กลับมายังกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ภายใน 15 วัน







