หุ้นไทยเช้านี้ร่วง 4.94 จุด ไซด์เวย์กรอบ 1280-1300 จุด คืนนี้รอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ

หุ้นไทยเช้านี้ร่วง 4.94 จุด  ไซด์เวย์กรอบ 1280-1300 จุด  คืนนี้รอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ

"หุ้นไทย" ภาคเช้า ณ วันที่ 26 ก.ย.2568 เปิดตลาดร่วง 4.94 จุด หรือ 0.38% อยู่ที่ 1,283.32 จุด โบรกคาด ไซด์เวย์กรอบ 1280-1300 จุด คืนนี้รอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ

KEY

POINTS

  • ตลาดหุ้นไทยภาคเช้าเปิดตลาดร่วงลง 4.94 จุด หรือ 0.38% มาอยู่ที่ระดับ 1,283.32 จุด
  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบไซด์เวย์ระหว่าง 1,280-1,300 จุด
  • ปัจจัยกดดันหลักมาจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด ทำให้เกิดความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจลดดอกเบี้ยน้อยลง
  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อ (PCE) ของสหรัฐฯ ในคืนนี้ ซึ่งหากออกมาสูงกว่าคาดอาจเป็นเหตุให้เกิดแรงขายอย่างหนัก

ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" ภาคเช้า ณ วันที่ 26 ก.ย.2568 เปิดตลาดร่วง 4.94 จุด หรือ 0.38% อยู่ที่ 1,283.32 จุด มูลค่าการซื้อขาย 2,347.57 ล้านบาท

หุ้นไทยเช้านี้ร่วง 4.94 จุด  ไซด์เวย์กรอบ 1280-1300 จุด  คืนนี้รอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ

อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ตลาดหุ้นเปิดทำการเช้านี้โดยมีการปรับตัวลง โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบมาจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาในทิศทางที่ดีในช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดเกิดการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed อาจจะลดอัตราดอกเบี้ยได้น้อยลงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้แต่เดิม ทำให้มีแรงหนุนบอนด์ยีลด์ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นมา โดยปัจจุบันบอนด์ยีลด์ของสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 4.2% ซึ่งเป็นผลให้ตลาดมีแรงขายทำกำไรออกมา
 

ในส่วนของประเทศไทย ปัจจัยที่น่ากังวลคือ ค่าเงินบาทมีการอ่อนค่าลง โดยปัจจุบันได้ทะลุระดับ 32 บาทไปแล้ว และขณะนี้อยู่ที่ระดับประมาณ 32.2 บาทต่อดอลลาร์ การอ่อนค่าของเงินบาทอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อความคาดหวังเรื่อง Fund Flow ที่นักลงทุนคาดว่าจะไหลเข้าสู่ตลาดในระยะสั้น

ส่วนปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคืนนี้ที่นักลงทุนจำเป็นต้องติดตามการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ หากตัวเลขดังกล่าว ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อาจจะยิ่งเป็นเหตุให้เกิดแรงขายอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งภาวะแรงขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกมองว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีต่อตลาดโดยรวม

ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงสามารถหาจังหวะในการตั้งรับได้ โดยเน้นการลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับความคาดหวังด้านนโยบายในการ ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ได้แก่ หุ้นกลุ่มค้าปลีก หุ้นกลุ่มการท่องเที่ยว และหุ้นปันผล

วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า วานนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลข US GDP ประจำไตรมาส 2/2568 ซึ่งเป็นการรายงานครั้งที่ 3 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว +3.8%q-q สูงกว่าคาดที่ +3.3% และสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ที +3.0% และ +3.3% ตามลำดับ โดยมีแรงหนุนจากความแข็งแกร่งของการใช้จ่ายผู้บริโภคและการลงทุนในภาคเอกชน

เช่นเดียวกับตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ที่แกร่งกว่าคาด ทั้ง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ที่ 2.18 แสนราย จากคาดที่ 2.33 แสนราย สะท้อนภาคแรงงานแข็งแกร่งขึ้น ส่วนยอดขายสินค้าคงทน เดือน ส.ค. +2.9%m-m จากเดือนก่อนที่หดตัว -2.7%m-m และเติบโตสวนตลาดคาดที่ -0.3% 

จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แกร่งกว่าคาดมาก ส่งผลให้ความน่าจะเป็นในการลดดอกเบี้ยสหรัฐฯในช่วงที่เหลือของปีลดลง กดดันตลาดหุ้นย่อตัว และยังหนุนการแข็งค่าของ Dollar Index ในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ดียังคงแนะติดตามเงินเฟ้อ US Core PCE ที่จะรายงานคืนนี้ ซึ่งถือเป็นตัวสำคัญที่มีผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของ FED โดยคืนนี้คาดทรงตัวที่ +2.9% ส่วน US PCE คาดขยับขึ้นเล็กน้อย +2.7% 

ส่วนปัจจัยในประเทศยังมีความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดหนุน SETฟื้นตัว โดยเน้นทยอยสะสมหุ้นที่ได้อานิสงส์จากมาตรการภาครัฐฯ วันนี้ “Sideways” ในกรอบ 1280-1300 จุด