‘อัลฟ่าชาร์เตอร์ด’ พลิกโฉมบางจาก เน้นกลยุทธ์ถือระยะยาว หวังมุ่งสู่ ‘บริษัทพลังงานระดับภูมิภาค’ 

‘อัลฟ่าชาร์เตอร์ด’ พลิกโฉมบางจาก เน้นกลยุทธ์ถือระยะยาว หวังมุ่งสู่ ‘บริษัทพลังงานระดับภูมิภาค’ 

‘อัลฟ่าชาร์เตอร์ด’ พลิกโฉมบางจาก เน้นกลยุทธ์ถือระยะยาว หวังมุ่งสู่ ‘บริษัทพลังงานระดับภูมิภาค’ พร้อมแจงปมถือหุ้น “บางจาก” ไม่เกี่ยวข้องการเมือง และกลุ่มทุนต่างชาติ

KEY

POINTS

  • อัลฟ่า ชาร์เตอร์ด เข้าลงทุนในบางจากด้วยกลยุทธ์ "ซื้อและซ่อม" ซึ่งเป็นการถือหุ้นระยะยาวเพื่อปลดล็อกมูลค่าที่ซ่อนอยู่ และผลักดันให้บางจากก้าวขึ้นเป็นบริษัทพลังงานระดับภูมิภาค (Regional Energy Company)
  • แผนการพลิกโฉมประกอบด้วย 3 แผนงานหลัก คือ การปรับปรุงประสิทธิภาพธุรกิจโรงกลั่น และน้ำมัน, การพลิกโฉมธุรกิจ Non-Oil, และการขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาค
  • สำหรับธุรกิจ Non-Oil จะเปลี่ยนพื้นที่สถานีบริการน้ำมันให้เป็น "บ้านที่ให้โอกาส SME" และมีแผนปลดล็อกมูลค่าที่ดินเพื่อพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์
  • ในส่วนของการขยายสู่ระดับภูมิภาค จะมุ่งเน้นให้ BCPG ซึ่งเป็นธุรกิจพลังงานสะอาด ขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในเวียดนาม เพื่อแสวงหาการเติบโตใหม่

“อัลฟ่า ชาร์เตอร์ด” สางทุกปมร้อนเข้าถือ “หุ้นบางจาก” พร้อมแจงเข้าลงทุน หวัง “ปลดล็อก” ธุรกิจครั้งใหญ่ สะท้อนตามแผน “ยุทธศาสตร์” มุ่งสู่การเป็น “บริษัทพลังงานระดับภูมิภาค” และเดินหน้าเติบโตยั่งยืน

‘อัลฟ่าชาร์เตอร์ด’ พลิกโฉมบางจาก เน้นกลยุทธ์ถือระยะยาว หวังมุ่งสู่ ‘บริษัทพลังงานระดับภูมิภาค’ 

เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการถือหุ้นครั้งใหญ่ หลัง “กลุ่มทุน Private Equity” ระดับโลก Charter Group ได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการพลังงานไทยอีกครั้ง ด้วยการเข้าถือหุ้นใหญ่ใน BCP ผ่านบริษัทลูก บริษัท อัลฟ่า ชาร์เตอร์ด เอนเนอร์จี จำกัด (ACE) ซึ่งถือเป็นดีลที่อยู่ในความสนใจ ตั้งแต่การเจรจาที่ไม่เป็นไปตามแผนกับสำนักงานประกันสังคมสู่การเปลี่ยนเกมมาสู่การเจรจาเร่งด่วนกับผู้ถือหุ้นรายอื่น

จนกลายมาข้อครหาตามที่ปรากฏข้อกล่าวอ้างในสื่อ สิ่งพิมพ์ และสื่อสังคมออนไลน์บางแห่ง ซึ่งเป็นเพียงการกล่าวอ้างที่ปราศจากมูลความจริง ขาดข้อเท็จจริงรองรับ และมีเจตนาเพื่อก่อให้เกิดความสับสนแก่สาธารณชน รวมถึงทำลายชื่อเสียงของ Chartered Group อีกทั้ง มีความพยายามที่ไม่สุจริตในการก่อให้เกิดความเข้าใจผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับโครงสร้างการลงทุนในหุ้น BCP และแหล่งที่มาของเงินลงทุน

นายณัฐกร อธิธนาวานิช กรรมการ บริษัท อัลฟ่า ชาร์เตอร์ด เอนเนอร์จี จำกัด เปิดเผยว่า การเข้าลงทุนใน BCP ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนผู้ถือหุ้น แต่เป็น “จุดเริ่มต้น” ของแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งมั่นจะ “ซื้อและซ่อม” เพื่อปลดล็อก “มูลค่าที่ซ่อนอยู่ (Hidden Value)” และผลักดัน BCP ให้ก้าวขึ้นเป็น “Regional Energy Company” หรือบริษัทพลังงานระดับภูมิภาคอย่างเต็มตัว

สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ในการพลิกโฉม BCP โดย Charter Group คือ กลุ่มทุน Private Equity ระดับโลกที่บริหารสินทรัพย์มูลค่ากว่า 4-5 แสนล้านบาท ด้วยรูปแบบการลงทุนที่เน้นการเข้าไป “ซื้อและซ่อม” โดยเข้าถือหุ้นเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจในระยะยาว แทนการซื้อขายทำกำไรระยะสั้น

โดยเดิมที Charter Group ตั้งเป้าซื้อบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทย แต่ด้วยข้อจำกัดของขนาดธุรกิจ จึงเปลี่ยนยุทธศาสตร์มาเป็นการ “ซื้อบริษัทในตลาดแล้วซ่อมให้ดี” และเลือก BCP เป็นเป้าหมายหลัก เนื่องจากโครงสร้างธุรกิจที่เข้าใจง่าย และทีมผู้บริหารมีความเชี่ยวชาญในการฟื้นฟูธุรกิจพลังงาน

สำหรับ ประเด็นการซื้อหุ้น BCP จากสำนักงานประกันสังคมนั้น เริ่มขึ้นเมื่อ “อัลฟ่า ชาร์เตอร์ด” ยื่นข้อเสนอขอซื้อหุ้นจาก สำนักงานประกันสังคม ในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดถึง 43 บาทต่อหุ้น แต่ดีลกลับไม่สามารถปิดได้เนื่องจากความล่าช้า ส่งผลให้สำนักงานประกันสังคมพลาดโอกาสทำกำไรด้วยข้อจำกัดด้านเวลา อัลฟ่า ชาร์เตอร์ด จึงต้องเปลี่ยนแผน และเดินหน้าเจรจากับผู้ถือหุ้นรายใหญ่อื่นๆ จนประสบความสำเร็จในการซื้อหุ้นทั้งหมดจากกลุ่ม CAI ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมใน บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG (บริษัทลูก BCP) พร้อมทั้งทยอยเก็บหุ้นในตลาดเพิ่มเติมจนได้สัดส่วนตามเป้าหมาย

ดังนั้น การเข้าถือหุ้น BCP ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง และมีแหล่งเงินลงทุนถูกต้อง โดยประเด็นที่ถูกข้อครหาจากทุกทิศทาง อาจจะเป็นช่วงจังหวะเวลาการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ส่งผลให้เกิดข้อสงสัยขึ้นมา ซึ่งจะขอชี้แจงคือ ประเด็นพื้นที่ทับซ้อน (OCA) ยืนยันว่าการซื้อ BCP ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ในพื้นที่ OCA เนื่องจากเป็นเรื่องนโยบายระดับรัฐ และผู้ถือสัมปทานอยู่แล้ว ส่วนแหล่งที่มาของเงินทุนในการเข้าซื้อหุ้นมาจากสถาบันการเงินในสิงคโปร์ โดยจัดหามาด้วยเครดิตของ Charter Group ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนอื่นตามที่ถูกกล่าวหา

นายณัฐกร บอกต่อว่า การเข้าถือหุ้น BCP มีความตั้งใจลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตให้บริษัท สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ใหม่ที่ต้องการ พลิกโฉม BCP สู่ Regional Energy Company ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างการเติบโตในระยะยาว โดยมี 3 แผนงานหลักคือ

1.ปรับปรุงประสิทธิภาพธุรกิจหลัก มุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพของโรงกลั่น ระบบการตลาด และขายน้ำมัน พร้อมชูจุดเด่นด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์  2.การพลิกโฉมธุรกิจ Non-Oil แทนที่จะแข่งขันกับรายอื่นๆ ด้วยการสร้างแบรนด์ตัวเอง ซึ่ง BCP จะเปลี่ยนพื้นที่สถานีบริการน้ำมันให้เป็น “บ้านที่ให้โอกาส SME” เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้ามาเปิดร้านค้า เพื่อสร้างความหลากหลาย และเติบโตไปด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะ “ปลดล็อกมูลค่าที่ดิน” ของสถานีบริการน้ำมันเพื่อพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต

และ3. การขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาค สำหรับธุรกิจพลังงานสะอาด อย่าง BCPG จะมุ่งเน้นขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในเวียดนาม เพื่อลดการแข่งขันที่รุนแรงในประเทศ และแสวงหาการเติบโตใหม่ๆ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์