รัฐบาลใหม่ ทีมเศรษฐกิจใหม่ ความท้าทายใหม่

ทีมเศรษฐกิจใหม่ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านการคลัง จากหนี้สาธารณะที่ใกล้เพดาน 70% และรายได้รัฐที่เติบโตไม่ทันรายจ่าย ซึ่งต้องสร้างสมดุลระหว่างการรัดเข็มขัดทางการคลังและการลงทุนเพื่อการเติบโตในระยะยาว

KEY

POINTS

  • รัฐบาลใหม่ภายใต้พรรคภูมิใจไทยและทีมเศรษฐกิจใหม่ นำโดย ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ และคุณวิทัย รัตนากร ถูกคาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มความร่วมมือเชิงนโยบายและอาจกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการคนละครึ่งรูปแบบใหม่
  • ความท้าทายหลักคือภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะชะลอตัวรุนแรงในช่วงปลายปี 2025 ถึงต้นปี 2026 โดย INVX คาดการณ์ว่า GDP อาจขยายตัวได้ต่ำกว่า 1% ใน 4 ไตรมาสข้างหน้า
  • ประเด็นเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ต้องเข้ามาบริหารจัดการคือค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นผลจากสภาพคล่องในประเทศที่ตึงตัว, การส่งออกทองคำ, ดอลลาร์ที่อ่อนค่า และความเชื่อมั่นในทีมเศรษฐกิจใหม่เอง
  • ทีมเศรษฐกิจใหม่ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านการคลัง จากหนี้สาธารณะที่ใกล้เพดาน 70% และรายได้รัฐที่เติบโตไม่ทันรายจ่าย ซึ่งต้องสร้างสมดุลระหว่างการรัดเข็มขัดทางการคลังและการลงทุนเพื่อการเติบโตในระยะยาว

เศรษฐกิจไทยกำลังเริ่มเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์หลังจากได้รัฐบาลรวมถึงทีมเศรษฐกิจใหม่ แต่แสงนั้นเป็นแสงแห่งพระอาทิตย์หรือแสงของไฟหน้าหัวรถจักรกันแน่นั้น ขึ้นอยู่กับการบริหารความท้าทายใหม่ที่กำลังเข้ามา

INVX มองว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเข้าสู่ช่วงชะลอตัวที่รุนแรงขึ้นในไตรมาสที่ 4 ปี 2025 และอาจลากยาวสู่ครึ่งแรกของปี 2026 โดยใน 4 ไตรมาสข้างหน้าอาจขยายตัวได้ต่ำกว่า 1% ทำให้ทั้งปี 2025-2026 เศรษฐกิจไทยคาดขยายตัวได้เพียง 1.8% และ 1.4% ตามลำดับ โดยปัจจัยเสี่ยงหลัก ได้แก่ (1) สัญญาณเศรษฐกิจชะลอลงที่เด่นชัดขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน (2) ความผันผวนทางการเงินจากนโยบายการเงินสหรัฐที่ไม่แน่นอนและทำให้เงินบาทผันผวนและแข็งค่าขึ้น (3) สินค้าคงคลังที่อาจหดตัวอีกครั้งในครึ่งปีหลังท่ามกลางการค้าโลกที่แย่ลง และ (4) ภาคการเกษตรที่เผชิญความเสี่ยงจากราคาสินค้าเกษตรโลกที่ผันผวนและผลกระทบจากสงครามการค้า

รัฐบาลภูมิใจไทยภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล แม้จะอยู่ภายใต้ข้อจำกัดระยะเวลา 4 เดือน และเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจบ้างได้จากโครงการคนละครึ่งรูปแบบใหม่ด้วยงบประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจกระตุ้น GDP ได้ประมาณ 0.1% ทั้งนี้ การได้ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงคุณวิทัย รัตนากร ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเดือนตุลาคมนี้ น่าจะทำให้ความร่วมมือเชิงนโยบายเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม เรามองว่า ประเด็นเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ต้องเข้ามาบริหารจัดการ ได้แก่ ประเด็นแรก ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นปี 2568 ค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นอย่างรุนแรง แตะระดับ 31.7 บาทต่อดอลลาร์ แม้เศรษฐกิจไทยจะยังเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย 

INVX วิเคราะห์ว่ามีเหตุผลสำคัญ 4 ประการที่อธิบายการแข็งค่าของเงินบาทได้ ได้แก่ (1) สภาพคล่องในไทยที่ตึงตัวกว่าประเทศคู่ค้าคู่แข่ง โดยการเติบโตของ M2 ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2568 ไทยขยายตัวเพียง 3.6% ต่อปี ต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เปรียบเทียบกับจีนที่ 8.8% อินเดียที่ 12.2% และเวียดนามที่เกิน 6% ทำให้ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) แข็งค่าขึ้นสูงถึง 30% เมื่อเทียบกับปี 2011 (2) การส่งออกทองคำไปยังกัมพูชาที่เติบโตกว่า 30% ต่อปี คิดเป็น 1 ใน 3 ของการส่งออกทองคำทั้งหมดที่เฉลี่ยไตรมาสละประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ ช่วยสร้างกระแสเงินตราต่างประเทศเข้าประเทศอย่างมีนัยสำคัญ (3) สัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่พร้อมจะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ และ 1 ครั้งปีหน้า ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์ (DXY) อ่อนค่าลงถึง 10.2% ตั้งแต่ต้นปี และ (4) ความเชื่อมั่นจากทีมเศรษฐกิจใหม่ที่ทำให้เงินทุนไหลเข้าตลาดเงินตลาดทุนไทยมากขึ้น ซึ่งจากปัจจัยเหล่านี้ INVX คาดการณ์ค่าเงินบาทเฉลี่ยที่ 32.4 บาทต่อดอลลาร์ในปี 2025 และ 32.1 บาทต่อดอลลาร์ในปี 2026 โดยคาดว่าจะแตะระดับ 30-31 บาทต่อดอลลาร์ปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม หากทีมเศรษฐกิจใหม่ทำมาตรการการเงินการคลังผ่อนคลายอย่างพร้อมเพรียง จะสามารถลดทอนการแข็งค่าของเงินบาทได้

ประการที่สอง สถานการณ์ภาคการคลังไทย โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดพันธบัตรไทยปั่นป่วนจากคำเตือนของ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ที่ได้ชี้ให้เห็นถึงความไม่สมดุลระหว่างการเติบโตรายจ่ายรัฐและรายได้ ประกอบกับหนี้สาธารณะที่อยู่ที่ 64.5% ของ GDP ใกล้เพดาน 70% ผลกระทบทันทีคือผลตอบแทนพันธบัตร 30 ปีดีดจาก 1.88% เป็น 2.17% และพันธบัตร 10 ปีเพิ่มจาก 1.25% เป็น 1.52% ทำให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ต้องประกาศลดการกู้เงิน 8% ในปีงบประมาณ 2569 เหลือ 2.37 ล้านล้านบาท เพื่อสร้างความมั่นใจให้ตลาด 

INVX มองว่า ปัญหาสำคัญภาคการคลังของเศรษฐกิจไทย ได้แก่ การที่รายได้รัฐเติบโตไม่ทันรายจ่าย เนื่องจากรายได้รัฐจากภาษีโตต่ำตามการเติบโตเศรษฐกิจ ขณะที่ภาครัฐมมีรายจ่ายประจำในระดับสูง ดังนั้น แนวทางการแก้ปัญหาต้องสมดุลระหว่างการรัดเข็มขัดทางการคลังและการลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจ เพราะหากรัฐใช้จ่ายน้อยเกินไปอาจเกิด Fiscal drag ที่ฉุดรั้งการเติบโต แต่หากลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างมีประสิทธิภาพอาจช่วยให้รายได้รัฐฟื้นตัวและลดอัตราส่วนหนี้ต่อ GDP ในระยะยาว

ด้วยภาพเศรษฐกิจที่จะชะลอตัว แต่มีความหวังจากทีมเศรษฐกิจใหม่ ทำให้ INVX มีกลยุทธ์การลงทุนดังนี้ โดยในช่วงสั้น เรามองว่าดัชนีมีโอกาสพักฐานหรือแกว่งตัวในกรอบแคบ หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังอยู่ระหว่างรอติดตามแผนการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ทำให้เราประเมิน ว่าดัชนีหุ้นไทยมีแนวต้านบริเวณ 1320 และมีแนวรับ 1280 ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy” โดยแนะนำการลงทุนใน 2 ธีมหลักและ 2 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้ (1) หุ้น Earnings Play ซึ่งคาดครึ่งปีหลังจะมีผลการดำเนินงานเติบโตดี ซึ่งได้แก่ ADVANC, BCPG, GULF, SCC (2) หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (อยู่ใน SET100 และมี ESG Ratings ที่ระดับ A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น แนะนำ PTT, TTB (3) Trading Idea หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากสถานการณ์น้ำท่วมในไทย แนะนำ TASCO, BJC, HMPRO, GLOBAL เนื่องจากจากสถิติระหว่างปี 2558-2567 พบว่าราคาหุ้นจะปรับขึ้นได้ดีเมื่อซื้อลงทุนช่วงกลาง ก.ย. และไปขายต้น พ.ย. โดยคาดหวังได้ผลตอบแทนสูงสุดเฉลี่ยราว 2.6%

ทั้งนี้ เรามองว่า หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการบริโภค ท่องเที่ยวและการลงทุน ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก (CPALL, GLOBAL, TNP) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG, OSP, HTC, ICHI) กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL) กลุ่มนิคม (AMATA, WHA) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC)

ขอให้นักลงทุนโชคดี

- รวมทุกช่องทาง InnovestX official ให้คุณได้ติดตามข้อมูลข่าวสารการลงทุนรอบโลก คลิก : https://linktr.ee/InnovestX

- เปิดบัญชีลงทุน InnovestX วันนี้! เปิดครั้งเดียวลงทุนได้ครบทั้งจักรวาลการลงทุน โหลดเลย คลิก https://innovestx.onelink.me/23if/ek1n76zm

- ติดตามบทวิเคราะห์การลงทุนอื่นๆ เพิ่มเติมจาก InnovestX คลิก : https://bit.ly/respublisher

#InnovestX #InnovestXResearch #InnovestXApp #จักรวาลการลงทุนในมือคุณ

*ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้