หุ้นไทยเช้านี้ร่วง 8.52 จุด ตลาดผันผวนเฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ปีนี้คาดลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง

หุ้นไทยเช้านี้ร่วง 8.52  จุด ตลาดผันผวนเฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ปีนี้คาดลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง

ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" ภาคเช้า ตลาดปรับลดลง 8.52 จุด หรือ 0.65% อยู่ที่ 1,298.17 จุด โบรกคาด SET วันนี้ “Sideways” ในกรอบ 1300-1320 จุด FED ลดดอกเบี้ยตามคาด ประเมินช่วงที่เหลือคาดลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง แม้มีความเสี่ยงภาคแรงงานแต่ภาพ GDP มองดีขึ้นเล็กน้อย

KEY

POINTS

  • หุ้นไทยภาคเช้า ณ เวลา 10.10 น. ปรับตัวลดลง 8.52 จุด หรือ 0.65% มาอยู่ที่ 1,298.17 จุด ท่ามกลางความผันผวน
  • ปัจจัยหลักมาจากผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่กรอบ 4.00-4.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์
  • คณะกรรมการเฟดส่งสัญญาณผ่าน Dot-plot ว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งภายในปีนี้
  • ความผันผวนในตลาดส่วนหนึ่งเกิดจากความเห็นที่ขัดแย้งกันของเจ้าหน้าที่เฟดเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต

ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" ภาคเช้า ณ วันที่ 18 ก.ย.2568 เวลา 10.10 น.ตลาดปรับลดลง 8.52 จุด หรือ 0.65% อยู่ที่ 1,298.17 จุด มูลค่าการซื้อขาย 11,301.79 ล้านบาท

หุ้นไทยเช้านี้ร่วง 8.52  จุด ตลาดผันผวนเฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ปีนี้คาดลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง

กรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และ นักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บล. ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FOMC ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ตลาดสหรัฐฯ ยังคงมีความผันผวนเล็กน้อยในช่วงแรกก่อนจะฟื้นตัวกลับมาได้ 

ทั้งนี้ คาดว่าอาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้เช่นกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดท่านหนึ่งให้ความเห็นว่า น่าจะมีการลดดอกเบี้ยถึง 5 ครั้ง ในขณะที่เจ้าหน้าที่อีกท่านหนึ่งกลับมองว่า ควรมีการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งความเห็นที่ขัดแย้งกันนี้ส่งผลให้เกิดความผันผวนและมีแรงเทขายในส่วนของทองคำและพันธบัตรในระยะแรก อย่างไรก็ตาม ท้ายสุดแล้วตลาดหุ้นสหรัฐก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาได้ในที่สุด

สำหรับมุมมองตลาดหุ้นไทยจากสถานการณ์ดังกล่าว คาดว่า น่าจะตอบรับเชิงบวกในวันนี้ โดยมีการคาดการณ์ดัชนีอยู่ที่ 1310 -1315 จุด หุ้นที่แนะนำหุ้น STECON คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าจากการที่เฟดลดอัตราดอกเบี้ย และอีกหนึ่งตัวคือ CPALL 

วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล. ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ผลการประชุม FED เมื่อคืนที่ผ่านมามีมติ ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่กรอบ 4.00-4.25% ตามคาด ขณะที่มี 1 ท่าน คือ Stephen Miran  มองว่าควรลดดอกเบี้ย ที่ 0.5% ซึ่งจุดนี้ถือว่าน่าสนใจ เพราะ Miran ถือว่าเป็นคนที่ได้รับแรงสนับสนุนจาก Trump ส่วนภาพดอกเบี้ยในช่วงถัดไป ซึ่งสะท้อนจาก Dot-plot รอบนี้ บ่งชี้ว่าปีนี้คณะกรรมการ FED ยังมองการปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ขณะที่ปี 2026 และ 2027 คาดการณ์ปรับลดแบบค่อยเป็นค่อยไปอีกปีละ 1 ครั้ง

ส่วนด้านตัวเลขเศรษฐกิจมีปรับเพิ่ม US GDP ปีนี้และปีหน้า ขึ้นสู่ +1.6%, 1.8% ดีขึ้นจากคาดการประชุมเดือน มิ.ย. ที่ +1.4%, +1.6% ตามลำดับ ส่วนอัตราการว่างงานประเมินทรงตัวปีนี้ที่ 4.5% และปีหน้าลงสู่ 4.4% ส่วนเงินเฟ้อ PCE คาดปีนี้ที่ 3% และชะลอลงปีหน้าสู่ระดับ 2.6% จากคาดเดิมที่ระดับ 2.4% 

สำหรับมุมมองของประธาน FED บ่งชี้ว่าการลดดอกเบี้ยครั้งนี้ เป็นการจัดการความเสี่ยงต่อภาคแรงงาน แต่อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจ US โดยรวมยังถือว่าแข็งแกร่งในหลายด้าน ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ไม่รุนแรงนัก 

อย่างไรก็ดียังคงแนะเกาะติดตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงถัดไป เพื่อเป็นแนวทางกำหนดนโยบายเพิ่มเติม ดังนั้นคาดระยะสั้นอาจเห็น sell on fact บ้าง แต่ก็คงไม่รุนแรงมาก ดังนั้นมองกลยุทธ์ซื้อเมื่ออ่อนตัว เน้นกลุ่มอิงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ เช่น ค้าปลีก, ไฟแนนซ์, ท่องเที่ยว, สื่อสาร และโรงพยาบาล เป็นต้น