ดาวโจนส์ปิดตลาดสูงขึ้น 250 จุด หลังเฟดหั่นดอกเบี้ย 0.25%

ดาวโจนส์ปิดตลาดสูงขึ้น 250 จุดในวันพุธ S&P 500 ปรับตัวลงเล็กน้อย หลังเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยตามที่คาดการณ์ไว้ 0.25% ปัญหาจ้างงานชะลอตัวกลายเป็นประเด็นสำคัญ
ซีเอ็นบีซี รายงานว่าดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดสูงขึ้น และ S&P 500 แทบไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากการซื้อขายผันผวน จากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่คาดการณ์ไว้ในวันพุธ ประธานเฟด เจอโรม พาวเวล ผ่อนกระแสการลดดอกเบี้ยลงยาว โดยส่งสัญญาณว่า การลดดอกเบี้ยงในครั้งนี้ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของวัฏจักรการลดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว
ดัชนีตลาดหุ้นโดยรวม S&P 500 ปิดตลาดลดลง 0.1% ที่ 6,600.35 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต Nasdaq Composite ลดลง 0.3% ที่ 22,261.33 จุด ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 260.42 จุด หรือ 0.6% ที่ 46,018.32 จุด หลังจากทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านี้
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดาวเด่นเป็นปัจจัยหลักในการฉุดตลาดลง หลังจากการตัดสินใจของเฟด เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรจากหุ้นที่เคยถีบตัวขึ้นสูงในตลาดกระทิง ราคาหุ้น Nvidia, Oracle, Palantir และ Broadcom ต่างก็ปิดตัวลง
ในฝั่งขาขึ้น หุ้นที่จะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงกลับอยู่ในแดนบวก ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์และตลาดโดยรวมปรับตัวสูงขึ้น หุ้นของ Walmart, JPMorgan และ American Express ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงการซื้อขาย
หุ้นที่ขึ้นมากที่สุดในวันนี้คือกลุ่มบริษัทขนาดเล็ก โดยดัชนี Russell 2000 ซึ่งเน้นหุ้นขนาดเล็ก โดยเพิ่มขึ้น 0.18% บริษัทขนาดเล็กพึ่งพาเงินทุนที่มีดอกเบี้ยผันผวนมากกว่า จึงมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนมาตรฐานลง 0.25% ด้วยคะแนนเสียง 11 ต่อ 1 ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนอยู่ในช่วง 4%-4.25% ธนาคารกลางยังส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในช่วงที่เหลือของปี
เฟด ได้ระบุถึงภาวะซบเซาของตลาดแรงงานเมื่อเร็วๆ นี้ในแถลงการณ์ “การจ้างงานชะลอตัวลง และอัตราการว่างงานก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ” คณะกรรมการระบุในแถลงการณ์หลังการประชุม ซึ่งยังระบุด้วยว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ “ชะลอตัวลง” และอัตราเงินเฟ้อ “ขยับขึ้นและยังคงสูงอยู่บ้าง”
สิ่งที่อาจทำให้นักลงทุนผิดหวังคือความเห็นของพาวเวลในการแถลงข่าวหลังจากการตัดสินใจ ซึ่งเขาระบุว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็น “การลดดอกเบี้ยเพื่อบริหารความเสี่ยง” ความเห็นของพาวเวลชี้ให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อประกันความเสี่ยงในกรณีที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างมาก
“ตอนนี้ไม่มีทางเลือกใดที่ปราศจากความเสี่ยง ยังไม่ชัดเจนว่าควรทำอย่างไร” พาวเวลกล่าว
ยิ่งไปกว่านั้น ธนาคารกลางยังให้มุมมองที่ค่อนข้างแข็งกร้าวต่ออัตราดอกเบี้ยในปี 2569 โดยกรรมการเฟดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกเพียงครั้งเดียวในปีหน้า ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดปัจจุบันคาดไว้ที่ 2-3 ครั้ง การคาดการรณ์ตามแผนภาพจุด (dot plot) ของเฟดแสดงให้เห็นถึงความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากสำหรับปีหน้า
“โดยรวมแล้ว เจ้าหน้าที่เฟดไม่ได้กดปุ่มตื่นตระหนกแต่อย่างใด เพราะพวกเขาเลือกที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงในระดับที่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการประชุมเดือนกันยายน” คริสโตเฟอร์ เอส. รัปคีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ FWDBONDS กล่าว “การลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวต่อการประชุมแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่รู้สึกว่าอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากภาษีศุลกากรเป็นภัยคุกคามร้ายแรงอีกต่อไป และการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่บริษัทต่างๆ รับพนักงานใหม่น้อยลงกลายเป็นความเสี่ยงที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน (Stagflation) หายไปแล้ว และความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นสำคัญ”
ดัชนีหลักของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นก่อนการตัดสินใจในวันพุธ ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.2% ณ ปัจจุบัน สำหรับเดือนนี้ ขณะที่ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 3.8% จากการเพิ่มขึ้นของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 1% ในเดือนนี้





