หุ้นธีม ‘โดเมสติก เพลย์’ มาแรง โบรกหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ดันกำลังซื้อ

หุ้นธีม ‘โดเมสติก เพลย์’ มาแรง โบรกหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ดันกำลังซื้อ

หุ้นกลุ่ม ‘Domestic Play’ กำลังกลับมาน่าสนใจ หลังการเมืองไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น และมีความคาดหวังต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ โบรกเกอร์คาด รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อและการบริโภคในประเทศ เช่น โครงการ “คนละครึ่ง” เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนหลักให้ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี

KEY

POINTS

  • นักวิเคราะห์มองว่าหุ้นกลุ่ม ‘Domestic Play’ หรือหุ้นที่อิงปัจจัยในประเทศ กำลังกลับมาน่าสนใจ หลังการเมืองไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น และมีความคาดหวังต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่
  • โบรกเกอร์คาดว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อและการบริโภคในประเทศ เช่น โครงการ “คนละครึ่ง” เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนหลักให้ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี
  • กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากธีมนี้โดยตรง ได้แก่ ค้าปลีก, ก่อสร้าง, ไฟแนนซ์ และอสังหาริมทรัพย์
  • สาเหตุที่หุ้นกลุ่ม Domestic Play น่าสนใจเนื่องจากมีผลงานที่ล่าช้ากว่าตลาดในช่วงที่ผ่านมา และมีมูลค่า (Valuation) ที่ไม่แพง ทำให้มีโอกาสปรับตัวขึ้นรับข่าวนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • นอกจากการกระตุ้นการบริโภค ยังมีการคาดการณ์ถึงนโยบายกระตุ้นการลงทุนผ่านโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ และมาตรการภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการอัดฉีดเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจต่างจังหวัด

ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 2568 กำลังเปลี่ยนทิศ หลัง “การเมืองไทย” กลับมามี “เสถียรภาพมากขึ้น” และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มถูกจับตา ส่งผลให้ “ธีม Domestic Play” กำลังกลายเป็นกลุ่มที่น่าสนใจในช่วงนี้ ซึ่ง “นักวิเคราะห์” มองว่า กลุ่มดังกล่าวจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของตลาดหุ้นไทยในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2568

หุ้นธีม ‘โดเมสติก เพลย์’ มาแรง โบรกหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ดันกำลังซื้อ

พิริยพล คงวาณิช” ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์พื้นฐานสายงานวิจัย บล.บัวหลวง ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า แนวโน้มการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ ธีมการลงทุนจะเปลี่ยนไปสู่ Domestic Play หรือการลงทุนที่เน้นปัจจัยภายในประเทศ หลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลที่รวดเร็วและมีความชัดเจน ทำให้เกิดความคาดหวังต่อนโยบายต่างๆ ที่จะออกมาในเชิงบวก รวมถึงการดึงผู้เชี่ยวชาญภายนอกเข้าร่วมทีมเพื่อช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานของรัฐบาล

นอกจากนี้ หุ้นไทยยังอยู่ในโซนราคาถูก ทำให้มีโอกาสที่ตลาดจะตอบรับกับภาพ Domestic Play มากขึ้น โดยนโยบายรัฐบาลที่คาดจะออกมาจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ซึ่งเบื้องต้นคาดจะมีโครงการ “คนละครึ่ง” วงเงิน 25,000 ล้านบาท ยังมีเงินเหลือจากงบประมาณกลางอีกประมาณ 98,000 ล้านบาท  

แม้ว่าจะมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา แต่คาดว่าผลกระทบต่อ GDP จะจำกัดอยู่ที่ประมาณ 0.1-0.2% เท่านั้น สำหรับผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน หรือ EPS อาจอยู่ที่ประมาณ 0.4% ซึ่งถือว่าไม่สูงมากนัก ดังนั้น การเลือกหุ้น Domestic Play ควรเน้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์สูงสุด โดยหุ้นเด่นธีม Domestic Play ที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด

สรพล วีระเมธีกุล” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยไตรมาส 4 ปี 2568 คาดแกว่งตัว Sideway ในกรอบ 1230-1340 จุด เน้นกลุ่ม Domestic Play หรือหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการบริโภคและการลงทุนในประเทศ จะยังคงได้เปรียบในการลงทุนช่วงไตรมาส 4 ปี 2568

อย่างไรก็ตาม กลุ่มดังกล่าวจะไม่ปรับตัวขึ้นยกทั้งแผงเหมือนช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่ง 5 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่ปรับตัวขึ้นมาส่วนใหญ่เป็น Domestic Play เกือบทั้งหมด เช่น ค้าปลีก ก่อสร้าง ไฟแนนซ์ และอสังหาริมทรัพย์ โดยปรับขึ้นเฉลี่ย 10-15% ต่อกลุ่ม

สำหรับสาเหตุหลักที่ Domestic Play น่าสนใจ 4 กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ค้าปลีก ก่อสร้าง ไฟแนนซ์ และอสังหาริมทรัพย์ มีผลงานที่ล่าช้ากว่าตลาดมาตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือน ก.ย.2568 รวมถึงกระแสเงินทุนไม่ได้ไหลเข้ากลุ่มนี้เลยในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ Valuation ไม่แพง

นอกจากนี้ จะเริ่มเห็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐนับจากนี้เป็นต้นไป โดยเฉพาะนโยบายที่เคยทำมาแล้วและสามารถทำต่อได้ทันที เนื่องจากมีเวลาจำกัดเพียง 4 เดือน ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เม็ดเงินลงทุนในระดับ 300,000 ล้านบาทขึ้นไป โดยหลายโครงการมีการร่าง TOR หรือผ่าน ครม. มาแล้ว ขณะที่มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะมีการออกมาเช่นกัน และความร่วมมือระหว่างนโยบายการคลังและการเงินในการออกมาตรการต่างๆ โดยธีมที่โดดเด่นจะเป็นกลุ่มเศรษฐกิจต่างจังหวัด โดยคาดว่ามีโอกาสสูงที่จะเห็นมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินลงสู่ต่างจังหวัด ทั้งหัวเมืองหลักและเมืองรอง

กิจพณ ไพรไพศาลกิจ” รองกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า การปรับสมดุลระหว่าง Global Play และ Domestic Play ในช่วงสิ้นปีนี้ ตลาดมีการปรับน้ำหนักลงทุนมายังหุ้นกลุ่ม Domestic Play อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากปัจจุบัน สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายลง และประเทศไทยมีรัฐบาลใหม่ค่อนข้างเร็วทำให้ตลาดกลับมาอยู่ในจุดสมดุลมากขึ้น

โดยหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจในช่วงที่เหลือของปีนี้ แบ่งออกเป็นกลุ่ม Global Play ได้แก่ ธุรกิจบรรจุภัณฑ์เช่น SCGP และ IVL ก็มีความน่าสนใจ รวมถึง OR คาดว่าจะมีผลประกอบการที่ดีในช่วงปลายปี และกลุ่มเดินเรือ อาจเป็นกลุ่มที่ถูกเก็งกำไรเป็นระยะ เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวซื้อน้ำมันเป็นดอลลาร์ ทำให้ได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า

ขณะที่หุ้นกลุ่ม Domestic Play ที่น่าสนใจคือ กลุ่มค้าปลีกที่เกี่ยวกับการบริโภค ได้รับมุมมองเชิงบวกมากขึ้น หลังจากมีรัฐบาลใหม่ และคาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นการบริโภคเป็นหลัก เช่น โครงการ “คนละครึ่ง” หรือมาตรการสนับสนุนอื่นๆ รวมถึงการเยียวยาผลกระทบจากภัยธรรมชาติ หุ้นค้าปลีกขนาดใหญ่จึงมีความน่าสนใจ