โบรกชี้ ‘กลุ่มท่องเที่ยว’ ฟื้นช้า ‘จีน’ วูบ 40-45% ยอดจองห้องพักต่ำ ถูก ‘บาทแข็ง’ ซ้ำเติม

“กลุ่มท่องเที่ยว” ยังเผชิญแรงกดดัน หลังตัวเลขนักเดินทางจาก “ประเทศจีน” หดตัวรุนแรง “บล.บัวหลวง” ชี้นักท่องเที่ยวจีนหายไปกว่า 40-45% “บล.ทิสโก้” ชี้ครึ่งหลังท่องเที่ยวยังคงเผชิญกับความท้าทาย จาก “เงินบาทแข็งค่า” ขณะที่ยอดจองห้องพักอยู่ระดับต่ำ “บล.หยวนต้า” แนะหุ้นเน้นรายได้ในประเทศสูง และมีโอกาสได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
KEY
POINTS
- บล.บัวหลวง ชี้ภาพรวมกลุ่มท่องเที่ยวฟื้นตัวช้า โดยนักท่องเที่ยวจีนหายไป 40-45% ตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้นักท่องเที่ยวโดยรวมลดลง 5-7%
- บล.ทิสโก้ ระบุว่ายอดจองห้องพักยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นผลมาจากรัฐบาลจีนส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศและภาวะเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ฟื้นตัว
- อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลังยังต้องเผชิญความท้าทายจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างมาก ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ซ้ำเติมสถานการณ์
“อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย” ยังเผชิญแรงกดดัน หลัง “นักท่องเที่ยวจีน” ซึ่งเคยเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลัก “หดตัวลง” ต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมท่องเที่ยวไทย “ยังไม่สดใส” อย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ แม้จะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว (Golden Week) หรือวันชาติของจีน แต่บรรยากาศการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนมาไทยกลับ “ไม่คึกคัก” สะท้อนความเปราะบางของ “ตลาดท่องเที่ยวไทย”
นายพิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์พื้นฐานสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)บัวหลวง ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ภาพรวมกลุ่มท่องเที่ยวในปัจจุบันถือว่า “ฟื้นตัวช้า” เทียบปีที่แล้ว โดยนักท่องเที่ยวจีนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันหายไป 40-45% ส่งผลให้นักท่องเที่ยวโดยรวมไทยลดลงประมาณ 5-7% และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 33.5 ล้านคน เทียบปีที่แล้วที่ 35.5 ล้านคน
ทั้งนี้ การลดลงของนักท่องเที่ยวจีน ส่งผลกระทบอย่างมากต่อรายได้ภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนมีค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงกว่าค่าเฉลี่ย แม้ว่าในช่วงหลังจะมีนักท่องเที่ยวจากอาเซียนและอินเดียเข้ามาจำนวนมาก แต่การใช้จ่ายของกลุ่มดังกล่าวยังคงน้อยกว่านักท่องเที่ยวจีนที่หายไป ทำให้ภาคท่องเที่ยวประสบปัญหาทั้งในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวและการใช้จ่าย
แม้ภาพรวมจะยังไม่ดีนัก แต่ตลาดคาดราคาหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวได้สะท้อนข่าวร้ายไปมากแล้ว และกำลังข้ามไปสู่ “การฟื้นตัว” อย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2568 อาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐ เช่น ทัวร์ทั่วไทย และโครงการคนละครึ่ง ซึ่งถึงแม้เม็ดเงินกระตุ้นอาจไม่มากนัก แต่จะช่วยกระตุ้นการบริโภคและการท่องเที่ยวให้ดีขึ้นกว่าไตรมาส 3 ปี 2568
สำหรับ หุุ้นแนะนำให้กลุ่มท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่น ได้แก่ CENTEL เนื่องจากมีธุรกิจเชนอาหารอยู่ภายใน ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน ยอดขายของร้านอาหารเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2568 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2568 ที่ค่อนข้างแย่
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ กล่าวว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังคงดูไม่สู้ดีด้วยมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มในระยะข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในไทยยังมีน้อย และคาดช่วงครึ่งหลังจะยังคงเผชิญกับความท้าทาย เนื่องจาก “ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น” อย่างมาก
สำหรับ “กลุ่มโรงแรม” พบว่า ยอดจองห้องพักยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก นักท่องเที่ยวชาวจีน แม้ว่าในช่วงเดือน ต.ค. 2568 จะเป็นช่วงวันหยุดยาว หรือวันชาติของจีน แต่ยังไม่มีสัญญาณการเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีน สาเหตุมาจากรัฐบาลจีนให้ความสำคัญและส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศมากกว่า
นอกจากนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจของจีน “ยังไม่ฟื้นตัว” ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อ และการเดินทางออกนอกประเทศของพลเมือง ขณะเดียวกันสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังไม่ดีนัก ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมยังคงชะลอตัว
สำหรับ ในส่วนของมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศที่ผ่านมา เช่น โครงการไทยเที่ยวไทย และคนละครึ่งได้สิ้นสุดไปแล้ว แม้จะมีการคาดการณ์ว่า รัฐบาลชุดใหม่อาจพิจารณานำมาตรการดังกล่าวกลับมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป แต่ทว่ายังคงต้องรอดูความชัดเจนอีกครั้ง
ทีมนักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า นักท่องเที่ยวจีนยังคงไม่ฟื้นตัวดี โดย “ลดลง” ถึง 30-40% ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ตลาดรับรู้มาโดยตลอด แต่หากตัวเลขรายงานออกมาแย่กว่าค่าเฉลี่ยของไตรมาส 2 ปี 2568 อาจมี Sentiment เชิงลบเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ ในแต่ละสัปดาห์พบว่า อัตราการลดลงของนักท่องเที่ยวจีนนั้นน้อยลงเรื่อยๆ แม้ว่าช่วงวันแรงงานเดือนพ.ค. 2568 ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนจะหายไปถึง 40% แต่ในสัปดาห์ถัดมาตัวเลขลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 30% จึงมีความหวังว่าในช่วง Golden Week อาจเห็นการ “ติดลบ” ที่น้อยลง เช่น อาจติดลบประมาณ 20% อย่างไรก็ตาม หากรายงานออกมาว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังคงหายไปในอัตราเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิมในช่วงเทศกาล จะเริ่มเป็นประเด็นที่น่ากังวล
สำหรับ ภาพรวมการท่องเที่ยวในไตรมาส 4 ปี 2568 ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากปีที่แล้วมีฐานที่ดีพอสมควร ทั้งในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวและผลประกอบการของหุ้น แต่อย่างไรก็ตาม ภาคการท่องเที่ยวยังคงต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลักในไตรมาส 4 ปี 2568 เนื่องจากคนไทยเองยังเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากนัก
สำหรับ นักลงทุนที่สนใจในหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวแนะนำให้พิจารณาหุ้นที่เน้นรายได้ในประเทศไทยสูง เช่น หุ้น CENTEL และ หุ้น ERW เนื่องจากเป็นตัวหลักที่ตลาดจะให้ความสนใจ หากเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในประเทศฟื้นตัว และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น
ขณะที่ ในส่วนของ “กลุ่มสายการบิน” และ “สนามบิน” อาจพิจารณา AAV เนื่องจากมี Valuation หรือค่า P/E ที่ไม่สูงมากนัก ส่วน AOT ยังคงติดประเด็นเรื่องราคาที่ค่อนข้างแพง และมีประเด็นเรื่อง King Power และการปรับขึ้น PSC ที่ต้องรอติดตามผลในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า







