หุ้นไทยวันนี้ 12 ก.ย.68 ตลาดยังคาดหวังกับการลดดอกเบี้ย เป็นปัจจัยหนุน

หุ้นไทยวันนี้ 12 ก.ย.68 ตลาดยังคาดหวังกับการลดดอกเบี้ย เป็นปัจจัยหนุน

บล.พาย เผย ตลาดหุ้น Dow Jones ปิดบวก 617 จุด (+1.36%) โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากความคาดหวังของตลาดที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะลดอัตราดอกเบี้ยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI) ที่ประกาศออกมาใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ สนับสนุนการคาดการณ์เรื่องการลดดอกเบี้ย โดยเครื่องมือ CME FED Watch ให้น้ำหนักถึง 93% ที่ FED จะลดดอกเบี้ย 0.25%

KEY

POINTS

  • ตลาดหุ้น Dow Jones ปิดบวก 617 จุด (+1.36%) โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากความคาดหวังของตลาดที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะลดอัตราดอกเบี้ย
  • ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI) ที่ประกาศออกมาใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ สนับสนุนการคาดการณ์เรื่องการลดดอกเบี้ย โดยเครื่องมือ CME FED Watch ให้น้ำหนักถึง 93% ที่ FED จะลดดอกเบี้ย 0.25%
  • ภาพรวมตลาดหุ้นไทย (SET) ยังเป็นบวก โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1280 – 1300 จุด ได้รับอานิสงส์จากความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของทั้ง FED และธนาคารแห่งประเทศไทย
  • แม้เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ของสหรัฐฯ จะยังอยู่ระดับสูง แต่กลยุทธ์การลงทุนยังสามารถเก็งกำไรได้จากปัจจัยบวกเรื่องการลดดอกเบี้ยและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่

หุ้นไทยวันนี้ 12 ก.ย.68 บล.พาย เผย ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 617 จุด +1.36% ตลาดยังคงคาดหวังการลดดอกเบี้ยเป็นปัจจัยหนุนตลาด ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.6% ถูกกดดันจากความกังวลอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลง
 

เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ ประกาศเงินเฟ้อ (CPI) พบว่าขยายตัว 2.9%YoY ใกล้เคียงกับที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ ด้านเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ขยายตัว 3.1%YoY เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้เช่นกัน การปรับลงของราคาพลังงาน ราคาน้ำมันเบนซิน -6.6%YoY น้ำมันเตา -0.5%YoY

แต่อย่างไรก็ตาม หากไปดูระดับราคาสินค้าชนิดอื่นๆพบว่าขยายตัวในทุกหมวด โดยเฉพาะราคารถมือสองและรถบรรทุก (+6%YoY) ความเห็นล่าสุดจาก CME FED Watch ให้น้ำหนักราว 93% ที่ FED จะลดดอกเบี้ย 0.25% และ 7.3% ลดดอกเบี้ย 0.50% 

ทั้งนี้ หากพิจารณาที่เงินเฟ้อจะพบว่าค่อนข้างเสี่ยงและแท้จริงเงินเฟ้อสหรัฐฯโดยเฉพาะ Core CPI ยังอยู่ระดับสูงเมื่อคืนหลังทราบตัวเลขเงินเฟ้อจะพบว่า US Yield อายุ 2 ปีเริ่มเห็นการปรับขึ้นมาบ้าง โดยหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนพบว่า Sector ที่ Outperform สุดจะได้แก่ Materials , Health Care 

ด้านปัจจัยในประเทศยังไม่มีอะไรที่มีนัยยะนักลงทุนรอติดตามการนำคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าคาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้หรืออาจต้นสัปดาห์หน้า ในขณะที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้เปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน ส.ค. พบว่าลดลงเป็นเดือนที่ 7 และต่ำสุดในรอบ 32 เดือน สาเหตุเป็นเพราะความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังศาลให้วินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรี (คนเก่า) หลุดจากตำแหน่งรวมไปถึงความไม่สงบระหว่างไทยกับกัมพูชา ส่งผลให้ผู้บริโภครู้สึกถึงการฟื้นตัวที่ช้าของเศรษฐกิจ 

แต่อย่างไรก็ตามเราคาดว่าจากนี้จะดีขึ้นตามการทยอยออกมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 58.2 

วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1280 – 1300 ภาพรวมตลาดยังเป็นบวกจากความคาดหวังลดดอกเบี้ยของ FED และธนาคารแห่งประเทศไทยรวมไปถึง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนจึงยังสามารถเก็งกำไรได้แม้ระดับ Valuation หุ้นไทยอาจไม่ได้ถูกมากนักก็ตาม แต่ให้เน้นที่หุ้นมีปัจจัยหนุน อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL CPAXT HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) การเงิน (MTC) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ร้านอาหาร (M) ส่วนสัปดาห์หน้ารอติดตามผลประชุม FED (ปัจจัยสำคัญเพราะจะเปิดเผยทั้ง Dot Plot และประมาณการเศรษฐกิจต่างๆ)