ดาวโจนส์ทำสถิติใหม่ปิดตลาดพุ่ง 600 จุด แม้เงินเฟ้อส.ค.สูงขึ้น

หุ้นปิดตลาดสูงสุดใหม่ในวันพฤหัสบดี ดาวโจนส์พุ่งขึ้นมากกว่า 600 จุด คาดตัวเลขเงินเฟ้อจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการที่เฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในสัปดาห์หน้า
ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันพฤหัสบดี (11 ก.ย.68) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทยว่า หุ้นปรับตัวสูงขึ้นในวันพฤหัสบดี นักลงทุนคาดการณ์ว่าตัวเลขล่าสุดของดัชนีราคาผู้บริโภคจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในสัปดาห์หน้า
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 617.08 จุด หรือ 1.36% ที่ 46,108.00 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.85% ที่ 6,587.47 จุด ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.72% ที่ 22,043.07 จุด ดัชนีหลักทั้งสามทำสถิติสูงสุดใหม่ระหว่างวัน และปิดตลาดในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนสิงหาคมทำให้นักวิเคราะห์สับสน เนื่องจากตัวเลขรายเดือนสูงกว่าที่คาดไว้ แต่ตัวเลขรายปีสอดคล้องกับการคาดการณ์
สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่าดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนสิงหาคมจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดยบริษัทสื่อดาวโจนส์ คาดการณ์ไว้ที่ 0.3% อย่างไรก็ตาม ตัวเลข CPI รายปีอยู่ที่ 2.9% สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้
ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนสิงหาคม และ 3.1% จากปีที่แล้ว ซึ่งทั้งสองตัวเลขนี้ตรงกับการคาดการณ์ของดาวโจนส์
รายงานนี้ออกมาหลังจากที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลงอย่างไม่คาดคิด 0.1% ในเดือนเดียวกัน
ขณะเดียวกัน ตลาดแรงงานได้ส่งสัญญาณอีกครั้งว่ากำลังชะลอตัวลง เนื่องจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจในวันพฤหัสบดี หลังจากที่มีการปรับลดตัวเลขการเติบโตของการจ้างงานลงในช่วงต้นสัปดาห์นี้ จำนวนผู้ยื่นขอรับเงินชดเชยการว่างงานประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 กันยายน เพิ่มขึ้น 27,000 รายจากช่วงก่อนหน้า สู่ระดับ 263,000 รายที่ปรับตามฤดูกาลแล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 และสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 235,000 ราย
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงในวันพฤหัสบดีหลังจากมีการเผยแพร่ข้อมูล โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงเหลือ 4%
ด้วยหลักฐานที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง ตลาดจึงคาดการณ์การลดดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.25% ในการประชุมของเฟดในวันที่ 17 กันยายน ค่อนข้างจะแน่นอนตามข้อมูลของเครื่องมือติดตามเฟด FedWatch ของ CME โอกาสที่ธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5% ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
คาดหุ้นยังไปต่อ
เจย์ วูดส์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดของ Freedom Capital Markets กล่าวว่า "การลดดอกเบี้ย 0.25% ถือเป็นเรื่องง่าย และตัวเลขยังคงเปิดโอกาสให้มีการลดถึง 0.5% โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากข้อมูลการว่างงาน" เขาเสริมว่า "สิ่งสำคัญคือการจับตาดูอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี หากเห็นตัวเลขขึ้นต้นด้วย 3 ตลาดอาจจะปรับตัวขึ้นได้"
ในวันพฤหัสบดี การปรับขึ้นของตลาดขยายเป็นวงกว้างมากกว่าช่วงที่ผ่านมา โดยธนาคารอย่าง JPMorgan และหุ้นกลุ่มผู้บริโภค เช่น Walmart ปิดตลาดในแดนบวกเนื่องจากคาดการณ์ถึงอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง







