หุ้น BGRIM บวกนำกลุ่ม 3.70% อานิสงส์บาทแข็งค่า-ดอกเบี้ยลด โบรกให้ราคาเป้าหมาย 14.30 บาท

หุ้น BGRIM บวก 3.70% เพิ่มขึ้น 0.50 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 14.00 บาท นักวิเคราะห์เผย รับอานิสงส์บาทแข็งค่า-ดอกเบี้ยลด โบรกให้ราคาเป้าหมาย 14.30 บาท
KEY
POINTS
- หุ้น BGRIM ปรับตัวขึ้น 3.70% มาอยู่ที่ 14.00 บาท ในการซื้อขายภาคเช้าวันที่ 10 ก.ย. 2568
- ปัจจัยหนุนมาจากการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งช่วยลดต้นทุนการนำเข้าก๊าซ LNG ที่ชำระเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
- การปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ (อัตราดอกเบี้ย) เป็นอีกหนึ่งแรงหนุน โดย BGRIM ซึ่งมีหนี้สินมากที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้าคาดว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุด
- บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ราคาเป้าหมายหุ้น BGRIM ไว้ที่ 14.30 บาท ซึ่งใกล้เคียงกับราคาปัจจุบัน
ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 10 ก.ย.2568 เวลา 10.05 น. หุ้น BGRIM หรือ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) บวก 3.70% เพิ่มขึ้น 0.50 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 14.00 บาท
ทีมนักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าส่วนหนึ่ง มีการชำระเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้น เมื่อเงินบาทแข็งค่าขึ้น จะทำให้ ราคาต้นทุนก๊าซมีโอกาสลดลงได้ นอกจากนี้ การที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวลดลง ยังเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนที่เข้ามากระตุ้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับ BGRIM ปรับตัวขึ้นมาโดดเด่นสุดในกลุ่ม เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีหนี้มากที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้า และยังมีสัดส่วนการขายไฟฟ้าแบบ SPP ให้กับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม IU เยอะเกือบที่สุด ด้วยเหตุนี้เมื่อต้นทุนก๊าซมีแนวโน้มลดลง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้ BGRIM เป็นตัวที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุด เมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่นๆ ในกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม สำหรับการเข้าลงทุนในช่วงเช้าวันนี้ ยังไม่แนะนำให้นักลงทุนไล่ราคา หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างแรงแล้ว โดยอาจรอจังหวะที่ราคาหุ้นย่อตัวลงมาน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
สำหรับ หุ้น BGRIM ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 14.30 บาท ซึ่งถือว่าค่อนข้างใกล้เคียงกับราคาปัจจุบัน มองว่าหากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อไปอีกก็อาจจะขึ้นได้ไม่มากนัก และอาจจะต้องมีการพักตัวก่อน
ส่วนหุ้นที่น่าสนใจคือ GULF เนื่องจากราคาหุ้นยังไม่ค่อยได้ปรับตัวขึ้นมามากนัก แม้ว่ากำไรในไตรมาส 3/68 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อาจจะดูทรงตัวหรือชะลอลงได้ เพราะฐานกำไรในไตรมาส 2/68 ค่อนข้างสูง แต่ทว่าหากพิจารณางบประมาณแบบเสมือนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแล้ว แนวโน้มกำไรของ GULF ถือว่าเติบโตค่อนข้างดี ซึ่งเป็นผลมาจากการมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาส่วนหนึ่ง และยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC เข้ามาเสริมที่ดีด้วย





