หุ้นไทยวันนี้ 9 ก.ย.68 เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี หนุนผ่อนคลายนโยบายการเงิน

หุ้นไทยวันนี้ 9 ก.ย.68 บล.พาย เผย เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี หนุนผ่อนคลายนโยบายการเงิน ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเลือกเป็นรายกลุ่มเพราะมองว่าดัชนีคือส่วนผสมผสานระหว่างหุ้นที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ จึงเน้นเลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL CPAXT) การเงิน (MTC) อสังหาฯ (AP SPALI) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) จังหวะย่อตัวยังมองเป็นโอกาสสะสมจากเงินปันผลระดับสูง
KEY
POINTS
- เงินบาทแข็งค่าขึ้นทดสอบระดับ 31.66 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับที่แข็งค่าที่สุดในรอบ 4 ปี โดยมีปัจจัยหลักมาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
- การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นผลมาจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยตลาดให้น้ำหนักสูงถึง 89% ที่จะมีการลดดอกเบี้ย 0.25%
- ค่าเงินบาทที่แข็งค่าช่วยลดต้นทุนการนำเข้าและคลายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งเมื่อประกอบกับเศรษฐกิจไทยที่อาจไม่แข็งแกร่งนัก อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงต่อเนื่อง
- การคาดการณ์ลดดอกเบี้ยของ ธปท. เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำ เช่น กลุ่มการเงิน, อสังหาริมทรัพย์ และธนาคารพาณิชย์
- อย่างไรก็ตาม เงินบาทที่แข็งค่าสร้างแรงกดดันต่อกลุ่มส่งออก เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าตลาดตราสารหนี้เป็นหลัก สะท้อนความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
หุ้นไทยวันนี้ 9 ก.ย.68 บล.พาย เผย ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 114 จุด +0.25% ตอบรับคาดการณ์ที่ว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.79% ได้แรงหนุนจากการที่กลุ่ม OPEC+ ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตแต่เป็นการเพิ่มเพียงเล็กน้อย
เมื่อคืนที่ผ่านมาฝั่งสหรัฐฯ ไม่ได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่ตลาดยังคงให้น้ำหนักกับการผ่อนคลายนโยบายการเงินของ FED โดยพบเห็นการปรับลงของ US Bond Yield ในทุกๆ รุ่นอายุ พร้อมกับการอ่อนค่าของ Dollar Index สะท้อนมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ CME FED Watch ล่าสุดให้น้ำหนักราว 89% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% และ 10.6% ที่จะปรับลดดอกเบี้ย 0.50% และจะปรับลง 3 ครั้งภายในปีนี้
แต่อย่างไรก็ตามให้จับตารอดูการประกาศเงินเฟ้อและดัชนีราคาผู้ผลิตในช่วง 2 วันจากนี้ หากทิศทางเงินเฟ้ออยู่ระดับสูงแต่แรงงานย่ำแย่อาจเป็นปัจจัยที่ FED จะดำเนินนโยบายอย่างลำบาก แต่ทั้งนี้ด้วย Dollar ที่อ่อนค่ากดดันให้เงินบาทแข็งค่าทดสอบระดับ 31.66 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี
โดยพบเห็นกระแสเงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิหนักในตลาดตราสารหนี้ (YTD ซื้อ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่กับตลาดทุนพบว่าขายสุทธิ 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) สะท้อนมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติ หากมีความเชื่อมั่นอาจได้เห็นการเข้าสุทธิในตลาดหุ้น
ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดพบว่า YTD เกินดุล 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำมาโดยดุลการค้าเกินดุล 16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ทั้งนี้ในครึ่งหลังอาจเห็นดุลการค้าเกินดุลไม่มากหรือดุลบัญชีเดินสะพัดอาจติดลบก็เป็นไปได้จากการส่งออกจะทยอยลดลง ด้วยค่าเงินบาทที่แข็งค่าค่อนข้างสูงจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าลดลงช่วยคลายกังวลแรงกดดันเงินเฟ้อเมื่อประกอบกับเศรษฐกิจที่อาจมิได้แข็งแกร่งมากนัก อาจได้เห็นการลดดอกเบี้ยต่อเนื่องของธนาคารแห่งประเทศไทย (เป็นปัจจัยหนุนหุ้นในกลุ่มการเงิน อสังหาฯ) แต่การส่งออกอาจเผชิญแรงกดดันจากเงินบาทที่แข็งค่า (วานนี้กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ปรับลง DELTA -4.5%) แต่เห็นแรงซื้อเด่นในกลุ่มค้าปลีก (BJC CRC CPALL CPAXT) ตามความคาดหวังรัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจ
คืนนี้ไม่มีปัจจัยสำคัญต้องติดตาม วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1255 – 1275 กระแสเงินทุนต่างชาติอาจไหลเข้ามาบ้างในตลาดหุ้นไทยตามเงินบาทที่แข็งค่าและมีความหวังต่อนโยบายภาครัฐ ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเลือกเป็นรายกลุ่มเพราะมองว่าดัชนีคือส่วนผสมผสานระหว่างหุ้นที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ จึงเน้นเลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL CPAXT) การเงิน (MTC) อสังหาฯ (AP SPALI) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) จังหวะย่อตัวยังมองเป็นโอกาสสะสมจากเงินปันผลระดับสูง





