NASDAQ ปิดทำสถิติสูงสุดใหม่ S&P 500 สูงขึ้นก่อนรายงานเงินเฟ้อ

ดัชนี NASDAQ ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หุ้นเอไอหนุน ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดสูงขึ้นก่อนประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในสัปดาห์นี้
ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันจันทร์ (8 ก.ย.68) ว่าดัชนี Nasdaq Composite ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันจันทร์ ขณะที่นักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับสัปดาห์ที่ข้อมูลสำคัญๆ หลั่งไหลเข้ามา ซึ่งรวมถึงดัชนีเงินเฟ้อที่จับตามองอย่างใกล้ชิดถึงสองดัชนี
ดัชนี Nasdaq ซึ่งเน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.45% ที่ 21,798.70 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังจากทำสถิติสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่ในการซื้อขายระหว่างวัน ขณะเดียวกัน ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.21% ที่ 6,495.15 จุด
ขณะที่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้น 114.09 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 45,514.95 จุด
การปรับตัวสูงขึ้นนี้ได้รับแรงหนุนจากราคาหุ้นของ Broadcom ผู้ผลิตชิป
ที่พุ่งขึ้น 3% และ Nvidia บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 1% ช่วยพลิกฟื้นภาวะการร่วงลงอย่างหนักจากเดือนที่ผ่านมา หุ้นAmazon และ Microsoft ก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
“ยังคงมีโมเมนตัมที่ยอดเยี่ยมสำหรับการใช้จ่ายด้าน AI การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และ ไม่ได้กระจุกตัวอยู่แค่ใน...หุ้นเจ็ดนางฟ้า เท่านั้น” รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักกลยุทธ์การลงทุนจาก Baird Private Wealth Management กล่าวกับทีวีซีเอ็นบีซี โดยตั้งข้อสังเกตว่า “หุ้นเทคโนโลยีโดยเฉลี่ยกำลังทำผลงานได้ดีมาก”
“มีความแข็งแกร่งในวงกว้าง” เขากล่าวต่อ
นักลงทุนกำลังรอรายงานเงินเฟ้อที่สำคัญสองฉบับในสัปดาห์นี้ เพื่อให้เข้าใจถึงสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากขึ้น หลังจากข้อมูลการจ้างงานในวันศุกร์ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนสิงหาคมจะประกาศในเช้าวันพุธ ตามด้วยดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ในวันพฤหัสบดี
ตลาดให้คความสำคัญกับข้อมูลดังกล่าว หลังจากรายงานการจ้างงานเดือนสิงหาคมที่ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งช่วยกระตุ้นความหวังในหมู่นักลงทุนว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แทบจะมั่นใจได้เลยว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมของเฟดในปลายเดือนนี้ ตัวเลขการจ้างงานยังเพิ่มโอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ตามข้อมูลการเครื่องมือติดตามเฟด FedWatch ของ CME
“เรากำลังอยู่ในภาวะสุญญากาศของตัวเร่งปฏิกิริยา” เมย์ฟิลด์กล่าวเสริมว่าอาจมี “ความผันผวนด้านลบ” เกิดขึ้น เนื่องจากตลาดอยู่ในจุดสูงสุดตลอดกาลในช่วงที่เศรษฐกิจอ่อนแอตามฤดูกาล “ตลาดจะอยู่ในภาวะรอคอยดัชนี CPI เว้นแต่จะมีเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่คาดคิดเกี่ยวกับภาษีศุลกากรหรือการค้า”





