โบรก มองบวก ‘อนุทิน‘ ขึ้นแท่นนายกฯ คนที่ 32 ดันตลาดหุ้นไทย

โบรก มองบวก ‘อนุทิน‘ ขึ้นแท่นนายกฯ คนที่ 32 ดันตลาดหุ้นไทย

โบรกมอง“นายกฯใหม่ หุ้นไทยสดใส” รับข่าว “อนุทิน” ขึ้นนายกฯ “บล.กสิกรไทย” ชี้ตลาดลุ้นเฟดลดดอกเบี้ย ฟันด์โฟลว์จ่อกลับ หนุนเศรษฐกิจ “บล.เอเซียพลัส -IAA” จับตาครม.ใหม่

ที่ประชุมสภาฯ 5 ก.ย. มีมติเห็นชอบให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” แคนดิเดตจากพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของไทย ตลาดหุ้นบวกแรง 11 จุด หนุนจากกลุ่มเชื่อมโยงนโยบายพรรคภูมิใจไทย ทำให้ตลาดสัปดานี้ ปรับขึ้นมาราว 2% สะท้อนความคาดหวังมาตรการกระตุ้นจากรัฐบาลใหม่ ทำให้กลุ่มเชื่อมโยงนโยบายกระตุ้นของพรรคภูมิใจไทยปรับตัวขึ้น แนวโน้มตลาดหุ้นไทยหลังจากนี้ บรรดานักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ต่างมีมุมมองใน“เชิงบวก” 

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า  หากอิงจากในอดีต  20 ปีย้อนหลัง ช่วง 1 เดือนหลังจากได้นายกฯ ใหม่อย่างเป็นทางการ  ดัชนีหุ้นไทย ปรับตัวขึ้นราว 0.5% และ นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิเฉลี่ย  6,000-10,000 ล้านบาท  

แต่การโหวตนายกฯคนใหม่รอบนี้ มาพร้อมกับพ.ร.บ.งบประมาณที่ผ่านสภาฯ เบิกจ่ายได้ทันที และการเมืองมีเสถียรภาพ ทำให้มองว่า ดัชนีหุ้นไทยจะบวกขึ้นได้มากกว่าอย่างมีนัยยะ 

ขณะเดียวกันหากการประชุมเฟด 16-17 ก.ย.นี้  มีความชัดเจนทิศทางดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า มีโอกาสลดลง ได้ 2-3 ครั้งหรือมากกว่า 1 ครั้งจากที่ตลาดคาดไว้  ทำให้เงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) กลับมาทยอยไหลเข้าในเดือนก.ย.นี้  หนุนดัชนีหุ้นไทยเดือน ก.ย.นี้ ในกรอบ  1,275-1,330 จุด ได้ 

ส่วนประเด็นต้องติดตามจับตาคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยเฉพาะรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และกระทรวงพาณิชย์ ที่จะมีการประกาศนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยหลังจากนี้ว่าจะสานต่อนโยบายเพื่อไทยหรือทำนโยบายใหม่  พร้อมกันนี้มองว่านโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ต้องดำเนินการต่อคือ การเจรจาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา หากคลี่คลายและเปิดด่านได้ จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพดึงดูดเงินลงทุนต่างประเทศและการค้าขาย

สำหรับกลยุทธ์ลงทุนหุ้น แนะสลับเข้าลงทุนเน้นหุ้นเกี่ยวข้องกับการเติบโตเศรษฐกิจในประเทศ กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC SAWAD TIDLOR)   ,กลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้า ที่ไม่ได้รับผลกระทบการเมืองยังมีการลงทุนต่อเรื่อง (BGIRM GULF)  , กลุ่มหุ้นค้าปลีก หากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาคลี่คลาย ( CBG DHOME OSP SAV) 

“ นับตั้งแต่พรรคปชน.สนับสนุน คุณอนุทิน ตลาดรับการเมืองในประเทศล่วงหน้าแล้ว และพ.ร.บ.งบประมาณเบิกจ่ายได้เลย หากเฟดเปิดทางลงดอกเบี้ยมากกว่า1 ครั้ง ยิ่งหนุนหุ้นไทยขึ้นแนวต้าน1,300จุดได้ แต่ยังต้องติดตามอีกสองสัปดาห์โฉมหน้าครม.ใหม่ และการเจรจาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ” 

 

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม กรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การเมืองในประเทศมีความชัดเจนมากขึ้น ลดความผันผวนและเป็นมุมมองภาพบวกต่อตลาดมากขึ้น ในระยะข้างหน้า การยุบสภาที่มีเงื่อนไขและกรอบเวลาชัดเจน มีนายกฯใหม่เข้ามาดูแลเดินหน้าเศรษฐกิจไทย เร่งเบิกจ่ายงบประมาณมากกระตุ้นเศรษฐกิจ และฟันด์โฟลว์คาดหวัง เม็ดเงินจากนักลงทุนในประเทศ สลับออกจากตลาดตราสารหนี้ กลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย หนุนดัชนีหุ้นไทยทะลุ1,300จุดได้  

สำหรับปัจจัยต้องติดตามหลังจากนี้ ติดตามนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ แนวทางการใช้จ่ายงบประมาณเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจมากที่สุด ซึ่งระยะเวลาอีก 4 เดือนยังเพียงพอขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีนี้ได้ ก่อนยุบสภาฯในเดือนม.ค.และยังทำหน้าที่ นายกฯ รักษาการต่อ ขณะที่หน้าตาครม.ใหม่ เมื่อมาจากคนละฝั่งกับรัฐบาลชุดก่อน ยังค่อนข้างมอกยาก และยังมีกล่าวถึงที่สามารถใช้บุคคลที่เป็นมืออาชีพเข้ามาได้เช่นกัน 

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. ทิสโก้ จำกัดและนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA)  กล่าวว่า นายกฯคนใหม่ ถือว่าไม่ผิดคาด เพราะมีกระแสข่าวก่อนหน้านี้มาแล้ว หากรัฐบาลชุดใหม่มีระยะเวลา 4 เดือน ตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้ก่อนยุบสภา ถือว่า เวลามีไม่มาก ทีมเศรษฐกิจครม.ชุดใหม่  โดยเฉพาะโฉมหน้าขุนคลังคนใหม่

"มองว่า จะเป็นใครก็ได้ หวังคนคุณภาพเกรดA เข้ามาแล้วทำงานได้เลย ทั้งสานต่อนโยบาย และปรับบางนโยบายขึ้นมาใหม่ให้ดีขึ้นได้ เพราะถ้าเวลาดูแลแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทย ถือว่า มีน้อยแค่4เดือนหากเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ การเมืองมีเสถียรภาพ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทยปีนี้ตอบรับเชิงบวกมากขึ้น"

 

นายพิริยพล คงวาณิช นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนเพื่อบริหารความมั่งคั่ง บล.บัวหลวง เปิดเผยตอนนี้ ค่อนข้างชัดเจนขึ้นว่า คุณอนุทิน เป็นนายกฯคนใหม่ ทำให้กลุ่มเชื่อมโยงนโยบายกระตุ้นของพรรคภูมิใจไทยปรับตัวขึ้น ทั้งนโนบายวงกู้ฉุกเฉิน/พักหนี้ หนุนกลุ่ม Domestic play เชื่อมการบริโภคในประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจฐานราก ทั้งกลุ่มค้าปลีก CPALL GLOBAL กลุ่มเช่าซื้อ MTC SAWAD กลุ่มอสังหาฯ SPALI มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว หนุนกลุ่มโรงแรม CENTEL และกลุ่มขนส่ง โครงการก่อสร้างต่างๆ หนุนกลุ่มรับเหมาฯ

ส่วนกลุ่มที่ปรับลงมาจากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มปิโตรฯ เริ่มเห็นแรง take profit หลังปรับขึ้นมาแรง กับเริ่มเห็นความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังการจ้างงานสหรัฐฯ เริ่มแผ่วลงเร็ว 

ด้านต่างชาติกลับมาขายต่อเนื่องสัปดาห์นี้ขายราว 300 ล้านบาท ต่อเนื่องจากเดือนที่แล้วขาย 2 หมื่นล้าน ในขณะที่แรงซื้อมาจากสถาบันในประเทศ และรายย่อย  หุ้นที่ NVDR เข้าเยอะสัปดาห์นี้ เช่น CPALL BH ในขณะที่ขายเยอะ เช่น TOP PTTEP 

นายพิริยพล กล่าว หากมองต่อไปสัปดาห์หน้า คาดตลาดยัง sideways กรอบบนที่ 1,280 ความชัดเจนรัฐบาลใหม่ อาจจะยังหนุน sentiment ได้ในช่วงสั้นๆ  ซึ่งภาพโผครม.ใหม่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางต่อจากนี้

แต่ภาพ fundamental เวลามีรัฐบาลเสียงข้างน้อย มาตรการกระตุ้นต่างๆ อาจจะค่อนข้างทำได้ไม่เต็มที่ น่าจะจำกัด upside ตลาดระยะสั้น คาดตลาดจะเริ่ม selective มากขึ้น focus หุ้นที่เริ่มเห็นกำไรดีขึ้น

 เช่น 

 กลุ่มโรงแรม/ร้านอาหาร เช่น CENTEL ตัวเลขรายได้โรงแรมเดือนก.ค.-ส.ค.กลับมาโตได้ YoY แม้ว่ายังอ่อนแอ แต่ธุรกิจร้านอาหาร (ที่คิดเป็นประมาณ 1/3 ของกำไร) กลับมาดีขึ้น (SSSG -1% ก.ค., +5% ส.ค. เทียบไตรมาส 2Q25 -3% YoY) มาจากร้านญี่ปุ่น เช่น ottoya, katsuya, shinkanzen sushi, midori sushi ในขณะที่ KFC และ Mister donut (รวมกัน 50% ของพอร์ตอาหาร) ยังโต YoY ดี ทำให้มองกำไรไตรมาส 2 ที่ผ่านมาทำจุดต่ำสุดไปแล้ว น่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาส 3 ถึง High season ไตรมาส 4

แต่ต้องเน้นภาพว่าเป็น trading ภาพร้านอาหารที่ดีขึ้นมามาจากการอัด promotion ส่วนนึงด้วย เพราะงั้นอาจจะไม่ได้ sustain มาก


กลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น WHAUP น่าจะเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จาก Data center ที่ชัดที่สุดตัวนึงในตอนนี้ คาดรับรู้รายได้เกี่ยวกับระบบการจ่ายน้ำเข้า Data center ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้ ก่อนจ่ายจริงปีหน้า, ได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง, เงินปันผลราว 6%

กลุ่มค้าปลีกสินค้า IT เช่น SYNEX จากยอดขายสินค้า IT ไตรมาส 3QTD +10% YoY เทียบกลุ่มค้าปลีกที่ยัง -3% YoY, ยอดขาย Nintendo Switch2 ดีกว่าคาด คาดเร่งตัวขึ้นในไตรมาส 4 หลังเกมส์ใหม่จะเริ่มเปิดตัวมากขึ้น