หุ้นไทยวันนี้ (3 ก.ย.) ปิดบวก 10.53 จุด จับตาการเมืองผันผวน

หุ้นไทยวันนี้ (3 ก.ย.) ปิดบวก 10.53 จุด  จับตาการเมืองผันผวน

"ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ (3 ก.ย.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,259.31 จุด เพิ่มขึ้น 10.53 จุด หรือ 0.84% "นักวิเคราะห์" ชี้ หุ้นไทยผันผวนตามการเมืองที่ไม่แน่นอน

หุ้นไทยวันนี้ (3 ก.ย.) ตลาดหุ้นไทย ปิดเย็นอยู่ที่ 1,259.31 จุด เพิ่มขึ้น 10.53 จุด หรือ 0.84% โดย ดัชนีหุ้นไทย เคลื่อนไหวในแนวโน้มผันผวนตลอดวัน ซึ่งทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,261.85 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,249.91 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 44,707.38 ล้านบาท

 

หุ้นไทยวันนี้ (3 ก.ย.) ปิดบวก 10.53 จุด  จับตาการเมืองผันผวน

หุ้นไทยวันนี้ ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1. PTT ราคาปิด 32.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.59% มูลค่าซื้อขาย 3,057.28 ล้านบาท

2. CPALL ราคาปิด 47.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 3.30% มูลค่าซื้อขาย 2,819.19 ล้านบาท

3. ADVANC ราคาปิด 298.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 0.67% มูลค่าซื้อขาย 1,572.36 ล้านบาท

4. BDMS ราคาปิด 20.60 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.48% มูลค่าซื้อขาย 1,488.60 ล้านบาท

5. DELTA ราคาปิด 151.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 2.72% มูลค่าซื้อขาย 1,484.14 ล้านบาท

ตลาดหุ้นไทยผันผวนท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ผันผวนในทิศทางปรับตัวขึ้นตลอดทั้งวัน แต่มีสัญญาณลดช่วงบวกลงมา โดยปัจจุบันตลาดยังคงอยู่ในโซนติดตามเทรนด์การเมืองที่ยังมีความคลุมเครือ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเมืองระหว่างพรรคต่างๆ รวมถึงกระแสของพรรคประชาชนที่อาจสนับสนุนฝั่งภูมิใจไทย และการใช้มุขเรื่องการยุบสภาจากฝั่งเพื่อไทย

สาเหตุหลักของความผันผวนนี้เกิดจากความไม่แน่นอนในหลายประเด็นสำคัญ ได้แก่

  1. ความคลุมเครือเกี่ยวกับอำนาจของนายกรัฐมนตรีรักษาการในการยุบสภา
  2. กรณีของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่อยู่ในช่วงคาบเกี่ยวการพ้นจากตำแหน่ง

"ความไม่แน่นอนเหล่านี้ทำให้ตลาดพยายามรอดูทิศทางสู่การเลือกตั้งที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้หรือปีหน้า ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นมีทิศทางแกว่งไปมา คล้ายคลึงกับหุ้น STECON ซึ่งเป็น Proxy ของพรรคภูมิใจไทยที่ขึ้นลงสลับกันทั้งวัน"

สำหรับแนวรับแนวต้านในวันพรุ่งนี้ (4 ก.ย.) หากดัชนีอยู่ในโซน 1,250 จุด แนวรับสำคัญคือ 1,240 จุด ตรงเส้น 200 วัน ซึ่งยังคงเป็นแนวรับที่มีนัยสำคัญและน่าจะมีเงินลงทุนเข้ามาสะสม ส่วนแนวต้านหากปิดในโซน 1,250 จุด จะอยู่ที่ 1,260 จุด แต่หากปิดเหนือ 1,255 จุด แนวต้านจะเลื่อนขึ้นไปที่ 1,270 จุด

ในสถานการณ์ปัจจุบัน นายวิจิตรแนะนำใช้กลยุทธ์ "Wait and See" มากกว่าการเก็งกำไรไล่ราคา โดยรอซื้อเมื่อตลาดอ่อนตัว เนื่องจากยังมีความคาดหวังในระยะกลาง หุ้นที่น่าสนใจได้แก่ กลุ่มไฟฟ้า โรงพยาบาล และค้าปลีก ซึ่งอาจได้รับประโยชน์จากกระแสการเลือกตั้งที่อาจกระตุ้นการใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังผลกระทบจากนักลงทุนต่างชาติที่อาจไม่ชื่นชอบความไม่มั่นคงทางการเมือง