หุ้นวอลล์สตรีท แดงทั้งตลาด แต่ดัชนี S&P 500 สูงขึ้นเป็นเดือนที่ 4

หุ้นวอลล์สตรีท ปิดตลาดในแดนลบในวันศุกร์ แต่ดัชนี S&P 500 สูงขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ขณะเงินเฟ้อสหรัฐเดือนก.ค.เร่งตัวขึ้น นักลงทุนจับตาตลาดแรงงาน ดอกเบี้ยเฟด
ซีเอ็นบีซี รายงาน หุ้นสหรัฐ ตลาด หุ้นวอลล์สตรีท ร่วงลงในวันศุกร์ (29 ส.ค.68) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นบางส่วนในช่วงวันหยุดยาวสุดสัปดาห์ หลังจาก ดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดใหม่ และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Nvidia ในสัปดาห์นี้ ข้อมูลเงินเฟ้อใหม่แสดงให้เห็นว่าราคาสินค้าและบริการที่ปรับตัวสูงขึ้นยังคงเป็นความเสี่ยงสำหรับเดือนใหม่
ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดลดลง 0.64% ที่ 6,460.26 จุด แต่ยังคงทำผลงานได้ดีเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite ลดลง 1.15% ปิดที่ 21,455.55 จุด
ขณะที่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ลดลง 92.02 จุด หรือ 0.20% ปิดที่ 45,544.88 จุด
ดัชนีดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อสำคัญที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จับตามอง โดยไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนกรกฎาคม สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ แต่เป็นการเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้า และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
“เฟดเปิดประตูให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ขนาดของการเปิดนี้จะขึ้นอยู่กับว่าความอ่อนแอของตลาดแรงงานเป็นความเสี่ยงที่สูงกว่า ความเสี่ยงเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นหรือไม่” เอลเลน เซนท์เนอร์ หัวหน้านักกลยุทธ์เศรษฐกิจของมอร์แกน สแตนลีย์ เวลธ์ แมเนจเมนท์ กล่าวในแถลงการณ์ “ดัชนีราคา PCE ที่เป็นไปตามคาดวันนี้จะยังคงทำให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับตลาดแรงงาน สำหรับตอนนี้ โอกาสการลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนยังคงสูงอยู่”
เนื่องจากตลาดหุ้นอยู่ภายใต้แรงกดดันอยู่แล้วก่อนรายงานตัวเลข PCE รอสส์ เมย์ฟิลด์ จากโบรกเกอร์ Baird เชื่อว่าการปรับตัวลงในวันนี้มีความเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 เพิ่งผ่านเซสชันที่แข็งแกร่ง โดยปิดเหนือระดับ 6,500 เป็นครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
“ตัวเลข PCE ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แต่มีแรงกดดันจากผลประกอบการอยู่บ้าง และอาจจะมีการขายทำกำไรเล็กน้อยหลังจากที่ตลาดทำจุดสูงสุดใหม่” นักกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซี
แม้จะลดลงในวันศุกร์ แต่ดัชนีต่างๆ ก็ปิดเดือนสิงหาคมด้วยการปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ดัชนีดาวโจนส์ ซึ่งมีหุ้น30 ตัวปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 3% ในเดือนสิงหาคม ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 2% ส่วนดัชนี Nasdaq ซึ่งเน้นกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 1.6%
ตลาดทำสถิติสูงสุดใหม่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ยาวนานและเป็นเดือนที่ดัชนีสำคัญๆ มักทำผลงานได้ไม่ดีนักในอดีตที่ผ่านมา
เดือนกันยายนเป็นเดือนที่ดัชนี S&P 500, Dow และ Nasdaq ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1950 ตามรายงานของ The Stock Trader’s Almanac และโดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนี S&P 500 มีผลงานในเดือนกันยายนที่อ่อนแอเป็นพิเศษตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ตามรายงานของ Bespoke ดัชนีตลาดรวมลดลงเฉลี่ย 0.7% ในเดือนนี้







