‘หุ้นจีน’ กระทิงเต็มตัว! มูลค่าเทรดทำนิวไฮ ร้อนแรงจนแบงก์เริ่มแตะเบรก

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “ตลาดหุ้นจีน” มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนส.ค. โดยปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนนี้สูงถึง 2.2 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 11 ล้านล้านบาท ซึ่งทำลายสถิติเดิมที่ 2 ล้านล้านหยวนที่เคยทำได้เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่  

กูรูชี้หุ้นจีน “ขาขึ้น”

ดัชนี CSI 300 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 10% ในเดือนนี้ ทำให้เป็นหนึ่งในดัชนีที่มีผลงานดีที่สุดในโลก ณ ขณะนี้

 Dickie Wong กรรมการบริหารฝ่ายวิจัยของ Kingston Securities Ltd. กล่าวว่า ตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่จะมีสภาพคล่องสูงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอาจจะมีการขายทำกำไรในระยะสั้นก็ตาม แต่เขายืนยันว่า หุ้น A-shares ได้เข้าสู่ "ตลาดกระทิง" หรือช่วงขาขึ้นอย่างเต็มตัวแล้ว และมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต

'แบงก์จีน' เริ่มแตะเบรก

การปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของตลาดหุ้นจนมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนเดียว ทำให้เกิดความกังวลว่าทางการจีนอาจจะเข้าแทรกแซงเพื่อควบคุมสถานการณ์ 

ธนาคารและหน่วยงานกำกับดูแลของจีนจะส่งสัญญาณว่าอาจมีมาตรการเพื่อลดความร้อนแรงของตลาดหุ้นลง โดยบริษัทหลักทรัพย์ในเซี่ยงไฮ้ ได้เพิ่มอัตราส่วนเงินฝากสำหรับบัญชีมาร์จิ้นในหลักทรัพย์บางประเภท, กองทุนรวมบางแห่งได้จำกัดการซื้อรายวันในพอร์ตที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในปีนี้ และธนาคารพาณิชย์ของจีน ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบลูกค้าที่ใช้บัตรเครดิตเพื่อลงทุนในหุ้น

หลังจากนี้ ตลาดหุ้นจีนอาจยิ่งร้อนแรงขึ้นจากความเชื่อที่ว่า ยังมีนักลงทุนอีกจำนวนมากที่รอจังหวะเข้าซื้อ หลังจากเห็นราคาที่พุ่งขึ้นในรอบแรก  และหากนักลงทุนรายย่อยเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของจีน รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ อัตราดอกเบี้ยต่ำ และมีทางเลือกในการลงทุนที่ดีอื่น ๆ ไม่มากนัก ทำให้ตลาดหุ้นจีนกลายเป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดใจอย่างยิ่ง

รายย่อยแห่เดิมพัน ‘หุ้นจีน’

ข้อมูลเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนรายใหญ่ เช่น เฮดจ์ฟันด์ คือกลุ่มหลักที่ผลักดันราคาหุ้นในตอนนี้ แต่แรงขับเคลื่อนที่แท้จริงและยิ่งใหญ่กว่านั้นอาจเกิดขึ้นได้ หากเงินออมของภาคครัวเรือนที่มีอยู่หลายล้านล้านหยวนได้ถูกนำมาลงทุนในตลาดหุ้นในอนาคต 

นักลงทุนรายย่อยในจีนเริ่มกลับมาซื้อขายหุ้นในประเทศมากขึ้นอย่างชัดเจน โดยวานนี้ (28 ส.ค.) นักลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่ได้ขายหุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกงออกไปมากถึง 2.04 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าพวกเขากำลังนำเงินกลับไปลงทุนในตลาดภายในประเทศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ จำนวนบัญชีหุ้นใหม่ของนักลงทุนรายย่อย เพิ่มขึ้น 71% ในเดือนกรกฎาคมเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และยอดรวมของเงินที่นักลงทุนกู้ยืมจากบริษัทหลักทรัพย์เพื่อนำไปลงทุนซื้อขายหุ้น(Margin trading) เพิ่มขึ้นเป็น 2.1 ล้านล้านหยวน ซึ่งใกล้เคียงกับระดับที่เคยสูงสุดในช่วงที่ตลาดเฟื่องฟูในปี  2558 สะท้อนนักลงทุนกำลังเดิมพันในตลาดจนทำให้ตลาดมีสภาพคล่องและคึกคัก แต่ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะตลาดที่ "ร้อนแรงเกินไป" ได้เช่นกัน

อ้างอิง Bloomberg