หุ้น BTS-BEM ร่วง 3.47% กังวลนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท หลังการเมืองไม่แน่นอน

ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 26 ส.ค.2568 เวลา 10.30 น.หุ้น BTS ร่วง 3.47% ลดลง 0.12 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 3.34 บาท ขณะที่ หุ้น BEM ร่วง 1.85% ลดลง 0.10 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 5.30 บาท โบรกเผย กังวลนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท หลังการเมืองไม่แน่นอน
KEY
POINTS
- หุ้น BTS ร่วง 3.47% มาอยู่ที่ 3.34 บาท และ BEM ร่วง 1.85% มาอยู่ที่ 5.30 บาท ในช่วงเช้าวันที่ 26 ส.ค. 2568
- นักวิเคราะห์ชี้ว่าสาเหตุหลักมาจากความกังวลต่อนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของรัฐบาล ซึ่งตลาดเชื่อว่ารัฐบาลจะผลักดันนโยบายนี้จริงจัง
- ความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นอีกปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะการรอคำพิพากษาในวันที่ 29 ส.ค. 2568 ซึ่งทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมา
- ความล่าช้าของนโยบายอาจเกิดจากกฎหมาย 3 ฉบับที่ยังไม่ผ่านสภา และการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งเพิ่มความไม่แน่นอนยิ่งขึ้น
ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 26 ส.ค.2568 เวลา 10.30 น. หุ้น BTS หรือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ร่วง 3.47% ลดลง 0.12 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 3.34 บาท ขณะที่ หุ้น BEM หรือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วง 1.85% ลดลง 0.10 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 5.30 บาท
กรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และ นักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บล. ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า นโยบายค่าโดยสาร รถไฟฟ้า 20 บาท ของรัฐบาล เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มนี้ โดยตลาดมองว่ารัฐบาลเอาจริงกับนโยบายนี้ นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองอื่นๆ รวมถึงการอ่านคำพิพากษาในวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งผลอาจออกมาได้ทั้งสองหน้า ทำให้ตลาดยังไม่มั่นใจและเลือกที่จะเทขายหุ้นกลุ่มนี้ออกมา
ทั้งนี้ การเลื่อนนโยบายอาจเกิดจากกฎหมาย 3 ฉบับยังไม่ผ่านสภา รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ก็เป็นปัจจัยที่เพิ่มความไม่แน่นอนของนโยบาย
สำหรับหุ้น BTS และ BEM ปรับตัวลงมาในวันนี้ มองว่าหุ้น BEM แม้เป็นหุ้นที่เติบโตช้า แต่มีความมั่นคงสูง โดยเฉพาะจากธุรกิจทางด่วนและรถไฟฟ้าใต้ดิน แนะนำว่า ราคาหุ้น BEM ที่ 5 บาทต้นๆ หรือ 4 บาทปลายๆ เป็นจังหวะที่ดีในการสะสม และหากเกิน 5.50 บาท ก็นับเป็นราคาที่ดีเช่นกัน ในทางกลับกัน BTS มีการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เช่น รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สีชมพู หรือการลงทุนใน Rabbit ที่ยังไม่สามารถสร้างผลกำไรได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับ BEM







