อินเดียรับมือสงครามการค้ากับสหรัฐ ประกาศลดภาษี กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

อินเดียรับมือสงครามการค้ากับสหรัฐ ประกาศลดภาษี กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

บลจ.ทิสโก้ เผยว่า อินเดียเผชิญสงครามการค้ากับสหรัฐ ซึ่งขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงกว่า 50% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย นายกรัฐมนตรี Narendra Modi ประกาศมาตรการลดหย่อนภาษีครั้งสำคัญ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และรับมือผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ ซึ่งรัฐบาลอินเดีย มีแผนปรับโครงสร้างภาษีสินค้า และบริการ (GST) ให้เหลือเพียง 2 อัตรา คือ 5% และ 18% โดยยกเลิกอัตราที่สูงกว่า เพื่อลดความซับซ้อน และเอื้อต่อธุรกิจ

KEY

POINTS

  • อินเดียเผชิญสงครามการค้ากับสหรัฐ ซึ่งขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงกว่า 50% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย
  • นายกรัฐมนตรี Narendra Modi ประกาศมาตรการลดหย่อนภาษีครั้งสำคัญเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และรับมือผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ
  • รัฐบาลอินเดียมีแผนปรับโครงสร้างภาษีสินค้า และบริการ (GST) ให้เหลือเพียง 2 อัตรา คือ 5% และ 18% โดยยกเลิกอัตราที่สูงกว่า เพื่อลดความซับซ้อน และเอื้อต่อธุรกิจ
  • นักวิเคราะห์มองว่าการปฏิรูปภาษีจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของ GDP และช่วยลดผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ ได้
  • นอกจากการลดภาษี อินเดียยังเริ่มลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย และมองหาผู้จำหน่ายรายอื่น เช่น ซาอุดีอาระเบีย เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกขึ้นภาษีเพิ่มเติม
  • ในระยะยาว อินเดียมีเป้าหมายที่จะพึ่งพาตนเองมากขึ้น โดยเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีขั้นสูงในประเทศเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

นับตั้งแต่ต้นปี 2025 ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ได้ทวีความรุนแรงมาโดยตลอด ไม่ว่าจะมาจากสงครามในภูมิภาคต่างๆ หรือมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ โดยอินเดียก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว ทั้งจากความขัดแย้งกับปากีสถานในช่วงต้นปี และสงครามการค้ากับสหรัฐ
 

บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า แม้ในช่วงแรกจะมีการคาดการณ์ว่าอินเดียจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้เร็วที่สุด แต่กลายเป็นว่าสุดท้ายกลับเป็นตรงกันข้ามนั่นคือ อินเดียกลายเป็นประเทศที่ถูกสหรัฐ ขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงที่สุดด้วยอัตรารวมกว่า 50% ทั้งจากภาษีตอบโต้ และบทลงโทษในข้อหาการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย

อย่างไรก็ดี อินเดียยังคงต้องดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์ความตึงเครียดดังกล่าว ซึ่งทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนต่างหาวิธีต่างๆ เพื่อแก้เกมสงครามการค้าที่ดุเดือดยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี Narendra Modi ของอินเดีย ประกาศมาตรการลดหย่อนภาษีครั้งสำคัญตามที่เคยได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อสาธารณชนเนื่องในโอกาสวันชาติอินเดีย เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และรับมือกับความไม่แน่นอนจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้า และการลงทุนระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ภายใต้มาตรการนี้ รัฐบาลอินเดียมีแผนที่จะปรับโครงสร้างภาษีสินค้าและบริการ (GST) ให้เหลือเพียง 2 อัตราที่ 5% และ 18% พร้อมวางแผนยกเลิกภาษีสินค้าบางรายการที่เก็บในอัตราที่สูงถึง 12% และ 28% ซึ่งจะช่วยลดความซับซ้อนของระบบภาษี และเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ทั้งนี้ สำนักข่าว Reuters ได้เผยว่า การปรับโครงสร้างภาษีในครั้งนี้จะส่งผลให้รถยนต์สันดาปขนาดเล็กถูกเรียกเก็บภาษีเพียง 18% จากเดิม 28% และทั้งเบี้ยประกันสุขภาพ และเบี้ยประกันชีวิตจะถูกเรียกเก็บในอัตราเพียง 5% หรืออาจจะไม่ถูกเรียกเก็บเลย

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนผลักดันการใช้เทคโนโลยีในระบบภาษี เช่น การยื่นแบบแสดงรายการภาษีล่วงหน้า และการคืนภาษีที่รวดเร็วขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษี และลดภาระของผู้ประกอบการ

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าการปฏิรูปภาษีในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจอินเดียที่คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของ GDP และอาจช่วยลดผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ ได้ในระยะยาว ขณะเดียวกัน S&P Global Rating ยังมองว่าการบริโภคของอินเดียจะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐ ในระดับที่สามารถจัดการได้อีกทั้งยังได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตของประเทศขึ้นมาอยู่ที่ระดับ BBB ซึ่งเป็นการปรับอันดับเครดิตขึ้นมาครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 สะท้อนว่ามุมมองจากหลายฝ่ายนั้นมองว่าผลกระทบจากมาตรการภาษีจากสหรัฐอยู่ในระดับที่อินเดียจัดการได้

อินเดียเริ่มมองหาผู้จัดจำหน่ายน้ำมันรายอื่นนอกจากรัสเซียหลังถูกสหรัฐ ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติม

อินเดียรับมือสงครามการค้ากับสหรัฐ ประกาศลดภาษี กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
นอกจากมาตรการรองรับจากผลของการถูกสหรัฐ เรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงแล้ว อินเดียยังได้พยายามที่จะหาทางให้อัตราภาษีที่ถูกเก็บจากข้อหานำเข้าน้ำมันจากรัสเซียลดลง โดยอุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันดิบในประเทศได้พยายามชะลอการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียลง ซึ่งสำนักข่าว Reuters รายงานว่าอินเดียนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมาลดลง 24.5% MoM เหลือเพียง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยการชะลอการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียไม่เพียงแค่มีสาเหตุมาจากความต้องการน้ำมันดิบที่ลดลงตามปกติเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูมรสุม แต่คาดว่ายังเกิดจากความต้องการลดการนำเข้าจากรัสเซียตามความต้องการของสหรัฐ ถึงแม้ว่าอินเดียจะยืนยันว่าจะไม่ยอมถอยให้กับสหรัฐ เนื่องจากจะยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลักก็ตาม

โดยในช่วงที่ผ่านมาโรงกลั่นของภาครัฐ เช่น Indian Oil และ Bharat Petroleum เร่งรีบซื้อน้ำมันดิบจากชาติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐ บราซิล หรือประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลาง ขณะที่บริษัทพลังงานเอกชนรายใหญ่ของอินเดียอย่าง Reliance Industry ได้นำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียลดลงถึง 19% MoM เมื่อเดือนที่แล้ว

ซึ่งอินเดียได้ทดแทนสัดส่วนน้ำมันดิบรัสเซียที่หายไปด้วยการสั่งซื้อน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบียในรอบส่งมอบเดือนกันยายน ที่จะถึงนี้ราว 22.5 ล้านบาร์เรล โดยถือเป็นยอดการนำเข้าน้ำมันของอินเดียจากซาอุดีอาระเบียสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2567

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษี GST หรือการมองหาผู้จำหน่ายน้ำมันรายอื่นนอกเหนือจากรัสเซีย เป็นมาตรการเบื้องต้นเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านสงครามการค้าที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ นอกจากนี้สำหรับภาพในระยะยาวอินเดียมีจุดยืนที่จะสร้างความอยู่รอดด้วยแนวทางที่เน้นไปยังการพึ่งพาตัวเองมากขึ้นตามที่ นายกฯ Modi ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะนึกถึงผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ โดยจะเน้นไปที่การพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศที่ตนคาดหวังเอาไว้ว่าจะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์เจ็ต แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงเซมิคอนดักเตอร์

แต่ในท้ายที่สุดเชื่อว่าถึงแม้อินเดียจะพร้อมรับมือกับมาตรการภาษีของสหรัฐ แต่ในอีกทางหนึ่งคาดว่าอินเดียจะยังหาช่องทางเจรจาเพื่อลดอัตราภาษีลงในท้ายที่สุด

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์