WHA ลุ้นงบ 'ออลไทม์ไฮ' เงิน FDI ไหลเข้าไทย-เวียดนาม พุ่ง

WHA ปี 68 หั่นงบลงทุนเหลือ 1.6 - 1.8 หมื่นล้าน หลังส่งมอบรถอีวี - แผนก่อสร้างธุรกิจโลจิสติกส์ล่าช้า แต่ทั้งปีนี้ คงเป้ารายได้ปีนี้ทำออลไทม์ไฮ ธุรกิจนิคมฯ โตเด่น
นายณัฐพรรษ ตันบุญเอก ประธานเจ้าหน้าที่การเงินกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า สำหรับเป้าหมายการใช้งบลงทุนปีนี้คาดว่าจะเหลือเพียง 16,000-18,000 ล้านบาท จากเป้าเดิมที่ 20,000 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจโมบิลิตี้ (Mobility) ปรับลดเป้าหมายการใช้รถอีวี (EV) และการก่อสร้างโครงการธุรกิจโลจิสติกส์ เริ่มต้นล่าช้ากว่าที่ประเมิน
ขณะที่ ผลการดำเนินงานในปีนี้ ตั้งเป้ารายได้รวม และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติปีนี้แตะระดับ 20,000 ล้านบาท หรือทะลุเล็กน้อย โดยเป็นระดับ All Time High เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน และเติบโตจากจากปี 2567 ที่ระดับ 14,303 ล้านบาท หรือเติบโตได้กว่า 35% โดยจะรักษาระดับอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มากกว่า 45%
โดยครึ่งปีแรก 2568 มีรายได้รวม และส่วนแบ่งกำไร 9,398 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 3,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนกำไรปกติอยู่ที่ 3,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยการเติบโตนี้เป็นผลมาจาก 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโลจิสติกส์, นิคมอุตสาหกรรม, สาธารณูปโภค (น้ำ), ดิจิทัล และโมบิลิตี้
“ปีนี้การดำเนินธุรกิจจะมีความสมดุล ระหว่างครึ่งปีแรก และครึ่งหลังมากขึ้น จากเดิมจะมียอดสูงมากในช่วง ไตรมาส 4 ของปี ขณะที่ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มลูกค้าธุรกิจดาต้าเซนเตอร์ ยังเติบโตดี และดีมากในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า รวมถึงมองว่า FDI เข้าไทย ครึ่งปีแรกปีนี้ 738,000 ล้านบาท ยังมากกว่า FDI เข้าเวียดนาม แต่ยังเชื่อมั่นว่าในเชิง FDI ทั้งในไทย และเวียดนาม ยังเติบโตไปด้วยกันได้ FDI ที่เข้ามาไทยเพราะเรามีหลายอย่างที่เป็นจุดเด่น โครงสร้างพื้นฐาน ซัพพลายเชนในหลายกลุ่มธุรกิจที่ดี และแรงงานที่มีทักษะในหลายกลุ่มเซกเตอร์ แต่ต้องลงมือสร้างอย่างเต็มสปีด ทำให้บทบาทในภูมิภาคโดดเด่นกลับขึ้นมาก”
นายณัฐพรรษ กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ยังคงวางเป้ามียอดขายที่ดิน 2,350 ไร่ เป็นสัดส่วนในไทยมากกว่าเป้าหมายทะลุ 1,700 ไร่ คาดว่าน่าจะไปถึงระดับ 2,000 ไร่ ขณะที่ยอดขายที่ดินเวียดนามวางไว้ที่ 600 ไร่ คาดว่าปีนี้ไม่ถึงเป้าหมายแน่นอน น่าจะอยู่ใกล้เคียงกับปีก่อน
ทั้งนี้ หลังจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานี้ ยอดขายที่ดินทำได้แล้ว 1,105 ไร่ แม้เป้ายอดขายที่ดินจะน้อยกว่าปี 2567 ที่ทำได้ 2,535 ไร่ แต่มูลค่าการขาย ประเมินว่า เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน มียอดขายที่ดินรอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ประมาณ 1,467 ไร่
ปัจจุบันบริษัทมีนิคมอุตสาหกรรมรวม 16 แห่ง (ไทย 15 แห่ง และเวียดนาม 1 แห่ง) โดยลูกค้าหลักยังมาจากจีน 28%, ญี่ปุ่น 19%, ไทย 17% และอื่นๆ ส่วนอุตสาหกรรมเป็นหลุ่มยานยนต์ 40%, เพื่อการบริโภค 14%, อิเล็กทรอนิกส์ 12%
สำหรับ นิคมอุตสาหกรรมที่เวียดนาม ใน Thanh Hoa โซนถัดมา กำลังเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 3 นี้ และเริ่มมีลูกค้าเข้ามาดูพื้นที่แล้ว จะเห็นการเติบโตชัดเจนขึ้นช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป และในระยะยาวเวียดนามยังเป็นอีกหลายพื้นที่ ที่ยังมุ่งพัฒนาเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น ดานัง หรือ ฮุงเยน ที่เริ่ม MOU ไปแล้วเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ ธุรกิจน้ำในเวียดนามเติบโตมาก
“ส่วนไทยกับเวียดนาม ในเชิงการเป็นฐานตอบรับ FDI ต่างความต้องการกัน อุตสาหกรรมที่ต้องการใช้แรงงานจำนวนมาก เวียดนามได้เปรียบ แต่หากต้องการความมั่นคง ความยั่งยืน ซัพพลายเชน และแรงงานมีทักษะ ไทยยังตอบรับดีกว่า ยังเชื่อว่าการเติบโตรายได้จาก FDI ทั้งในไทย และเวียดนามยังไปควบคู่กันได้”
ด้านธุรกิจโลจิสติกส์ ปัจจุบันมีพื้นที่รอเซ็นสัญญา (Awarded Projects) โครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/ คลังสินค้าสำเร็จรูป อีก 31,729 ตารางเมตร มูลค่าประมาณ 1,303 ล้านบาท โดยในปี 68 บริษัท ตั้งเป้าโครงการ/ค่าเช่าใหม่อีกประมาณ 200,000 ตารางเมตร หรือมีพื้นที่ให้เช่าปีนี้แตะระดับ 3,309,000 ตารางเมตร
สำหรับธุรกิจโมบิลิตี้ (Mobility) บริษัท ยังคงเดินหน้าสร้างระบบนิเวศน์ด้านโลจิสติกส์ด้วยระบบพลังงานไฟฟ้า (EV) ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกดำเนินการแล้ว 372 คัน และปรับลดเป้าหมายทั้งปีความต้องการใช้รถ EV อยู่ที่ 539 คัน จากต้นปีตั้งไว้ 1,700 คัน เนื่องจากการส่งมอบรถยังมีความล่าช้า
ส่วนธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) บริษัทวางเป้าหมายการขายน้ำ และปริมาณการจัดการปีนี้ไว้ที่ 166 ล้านลูกบาศก์เมตร ปรับลดลงมาเท่ากับปีก่อน จากการลดลงของการใช้งานของโรงไฟฟ้า และปิโตรเคมี ส่วนกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าคาดอยู่ที่ 1,185 เมกะวัตต์
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







