หุ้นไทย เปิดเช้านี้บวก 3.96 จุด กลุ่มปิโตรเคมีฟื้นแรง กรอบ 1240-1260 จุด

หุ้นไทย เปิดเช้านี้บวก 3.96 จุด กลุ่มปิโตรเคมีฟื้นแรง กรอบ 1240-1260 จุด

"หุ้นไทย" เปิดตลาดเช้าวันนี้อยู่ที่ 1,252.09 จุด ปรับขึ้น 3.96 จุด หรือ 0.32% หุ้น PTTGC ปรับเพิ่มขึ้น 10.66% และหุ้น SCC ปรับเพิ่มขึ้น 4.17%

KEY

POINTS

  • ดัชนีหุ้นไทยเปิดตลาดเช้าปรับตัวขึ้น 3.96 จุด (0.32%) มาอยู่ที่ 1,252.09 จุด
  • ตลาดได้รับแรงหนุนหลักจากหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะ PTTGC และ SCC ที่ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น
  • ปัจจัยบวกของกลุ่มปิโตรเคมีมาจากข่าวที่บริษัทในเกาหลีใต้ตกลงลดกำลังการผลิต ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาอุปทานล้นตลาด
  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1240-1260 จุด แต่ยังคงต้องระวังความเสี่ยงจากประเด็นการเมืองในประเทศและการพิจารณาของ MSCI

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาด "หุ้นไทย" เปิดตลาดเช้าวันนี้ (21 ส.ค.2568) อยู่ที่ 1,252.09 จุด ปรับขึ้น 3.96 จุด หรือ 0.32% มูลค่าการซื้อขาย ทั้งหมด 3,545.69 ล้านบาท

โดย หุ้น  PTTGC หรือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ปรับเพิ่มขึ้น 10.66% บวก 2.60 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 27.00 บาท และ หุ้น SCC หรือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) ปรับเพิ่มขึ้น 4.17% บวก 9.00 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 225.00 บาท
 

หุ้นไทย เปิดเช้านี้บวก 3.96 จุด กลุ่มปิโตรเคมีฟื้นแรง กรอบ 1240-1260 จุด

อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยภาคเช้าวันนี้ (21 ส.ค.2568) มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก บวกกับแรงหนุนมาจากการเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีรายงานข่าวว่า ประเทศเกาหลีใต้ให้การสนับสนุนการลดกำลังการผลิตของกลุ่มปิโตรเคมีลง ส่งผลให้ช่วยบรรเทาความกังวลของตลาดเกี่ยวกับปัญหาอุปทานล้นตลาดในปัจจุบัน

หุ้นไทย เปิดเช้านี้บวก 3.96 จุด กลุ่มปิโตรเคมีฟื้นแรง กรอบ 1240-1260 จุด

ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีที่ได้รับแรงซื้อค่อนข้างมาก ได้แก่ PTTGC และ SCC โดยทิศทางดังกล่าวยังสอดคล้องกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มปิโตรเคมีซึ่งมีการปรับตัวขึ้นเช่นกัน

สำหรับ คำแนะนำการลงทุน วันนี้ นักลงทุนควรหาจังหวะขายทำกำไร เพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยที่ไม่แน่นอนในระยะต่อไป เนื่องจากยังมองว่า การปรับฐานของตลาดหุ้นยังไม่สิ้นสุด ตราบใดที่ดัชนีหุ้นไทยยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1260 จุด ได้ บวกกับยังคงมีความกังวลว่าตลาดหุ้นยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน

ขณะที่ในสัปดาห์หน้ายังคงมีความกังวลต่อ 2 ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาประเด็นการเมืองในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ "คดีของคลิปเสียง" และการการพิจารณาของ MSCI ที่อาจมีผลต่อกระแสเงินลงทุน

วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า วันนี้ Sideways ในกรอบ 1240-1260 จุด ตลาดหุ้นไทยมีโมเมนตัมดีขึ้น ขานรับกลุ่มปิโตรเคมีฟื้นเด่น โดย SET เริ่มพยายามยืนบริเวณเส้น 200 วัน แต่อย่างไรก็ดี ยังคงต้องระวังประเด็นการเมือง และ MSCI ในช่วงถัดไป

"SET วานนี้ ได้แรงหนุนจากข่าว 10 บริษัทปิโตรเคมีในเกาหลีใต้ตกลงลดกำลังการผลิต naphtha-cracking ราว 2.7-3.7 ล้านตันต่อปี หรือ 25% ของกำลังการผลิตของเกาหลีใต้ หนุนกลุ่มปิโตรเคมีฟื้นแรง ช่วยทำให้โมเมนตัมของ SET กลับมาดีขึ้น แต่อย่างไรก็ดีในระยะสั้น ยังมีความเสี่ยงจากประเด็นการเมือง และ MSCI ดังนั้นอาจยังต้องระวัง โดยเน้นจังหวะย่อตั้งรับหุ้นแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังยังโดดเด่น"

นอกจากนี้ รายงานการประชุม FED รอบล่าสุด ซึ่งมีมติคงดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.5% แต่มี 2 เสียง ที่ต้องการลด 0.25% ถือเป็นครั้งแรกที่มีความเห็นต่าง โดยกรรมการส่วนใหญ่ยังคงให้น้ำหนักกับประเด็นเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น มากกว่าความกังวลตลาดแรงงานที่อ่อนตัว ดังนั้นคงต้องเกาะติดภาพเงินเฟ้อในช่วงถัดไปอย่างใกล้ชิด 

ส่วนด้านตลาดน้ำมัน สหรัฐฯรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลงกว่า -6 ล้านบาร์เรล ลดมากกว่าคาดว่าที่ -8.23 แสนบาร์เรล หนุนให้ราคาน้ำมันดิบปิด +1.6%

ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจคืนนี้ที่สำคัญแนะติดตาม ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของทั้งสหรัฐฯ และยูโรโซน เดือน ส.ค. โดยสำหรับสหรัฐฯ คาดภาคการผลิต ชะลอสู่ 49.7 จุด และภาคบริการชะลอสู่ 54.2 จุด ส่วนฝั่งยูโรโซน คาดภาคการผลิต ลงสู่ 49.5 จุด และภาคบริการลดลงสู่ 50.8 จุด

สำหรับหุ้นแนะนำ BH กำไรไตรมาส 2/68 ทำได้ดีกว่าที่ตลาดคาด ส่วนแนวโน้มไตรมาส 3/68 คาดปรับตัวขึ้นทั้ง q-q และ y-y สอดคล้องกับการเข้าสู่ช่วง High Season ที่เป็นฤดูฝน และแนวโน้มลูกค้ากลุ่มตะวันออกลางที่เติบโตดีต่อเนื่องจากในช่วงไตรมาส 2/68 Valuation เทรดบริเวณ PE 19 เท่า ยังถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ราว 30 เท่า ยังเป็นระดับที่น่าทยอยสะสม ราคาเป้าหมาย 200 บาท