‘หุ้นเซี่ยงไฮ้’ ทำนิวไฮรอบ 10 ปี หลัง ’ทรัมป์’ พักรบสงครามการค้า

‘หุ้นเซี่ยงไฮ้’ ทำนิวไฮรอบ 10 ปี หลัง ’ทรัมป์’ พักรบสงครามการค้า

ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ ทำนิวไฮรอบ 10 ปี นักลงทุนเทเงินไหลเข้า ดันดัชนีทะยาน 3,723.50 จุด หลัง ’ทรัมป์’ พักรบสงครามการค้าอีก 90 วัน

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “หุ้นจีน” ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้) ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี นี่เป็นผลมาจากนักลงทุนชาวจีนแห่เข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคัก เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐเริ่มคลี่คลายลง

 

‘หุ้นเซี่ยงไฮ้’ ทำนิวไฮรอบ 10 ปี หลัง ’ทรัมป์’ พักรบสงครามการค้า

 

วันนี้ (18 ส.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้  พุ่งขึ้น 0.7% ไปแตะที่ระดับ 3,723.50 จุด ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.  2558 และดัชนีฟื้นตัวขึ้นมาแล้วถึง 20% จากช่วงที่เคยร่วงหนักในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นตอนที่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าอย่างหนักจนตลาดทั่วโลกปั่นป่วน แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ได้ประกาศขยายเวลาการพักรบทางการค้ากับจีนออกไปอีก 90 วัน ซึ่งช่วยให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น 

 “นักลงทุนรายย่อย”  ที่มีเงินออมอยู่จำนวนมากเป็นปัจจัยสำคัญในการหนุนตลาดหุ้นให้ปรับตัวขึ้น เมื่อเห็นว่าตลาดมีแนวโน้มที่ดีขึ้น นักลงทุนจีนก็เปลี่ยนใจจากการนำเงินไปฝากธนาคารหรือลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนต่ำอย่างพันธบัตรหันมาเทเงินเข้าตลาดหุ้นแทน

ความคึกคักในตลาดหุ้นจีนนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ที่ตลาดทั่วโลกเคยเต็มไปด้วยความกังวลว่าจีนและสหรัฐ ซึ่งเป็นสองประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังจะเข้าสู่สงครามการค้าที่ยืดเยื้อและส่งผลกระทบอย่างรุนแรง การเติบโตของหุ้นจีนครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มเชิงบวกของตลาดหุ้นทั่วโลก 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นอินโดนีเซียก็ทำสถิติสูงสุดใหม่ ส่งผลให้ดัชนี MSCI ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลก ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

นักลงทุนจีนเชื่อมั่นตลาดหุ้น เทเงินลงทุน

สัญญาณที่น่าสนใจคือ นักลงทุนกำลังกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหุ้นกันมากขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าพวกเขากำลังมีความมั่นใจในตลาดที่กำลังขาขึ้น ยอดการกู้ยืมเงินดังกล่าวพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และใกล้จะทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 10% เลยทีเดียว

 นักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นมากขึ้นจากมาตรการของรัฐบาลจีนที่เข้ามาจัดการปัญหาการผลิตส่วนเกินในบางอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นความพยายามที่จะแก้ปัญหาเงินฝืดและเพิ่มกำไรให้กับบริษัทต่าง ๆ

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านภาษีก็มีส่วนสำคัญ รัฐบาลจีนกลับมาเก็บภาษีดอกเบี้ยจากพันธบัตรและเพิ่มความเข้มงวดในการเก็บภาษีกำไรจากหุ้นในต่างประเทศ นั่นหมายความว่าการลงทุนในหุ้นในประเทศจะดูน่าสนใจขึ้น และที่สำคัญ รัฐบาลยังให้การสนับสนุนผู้บริโภคด้วยการ อุดหนุนดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนบุคคล ซึ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและสร้างบรรยากาศทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอีกด้วย

ผลงานของดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ในปีนี้ถือว่าโดดเด่นมาก โดยปรับตัวขึ้นถึง 11% เอาชนะดัชนี CSI 300 ซึ่งเป็นอีกดัชนีสำคัญที่ปรับตัวขึ้นเพียง 8% เท่านั้น การที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้พุ่งแรงเป็นพิเศษนั้นมาจากการที่ดัชนีนี้มีสัดส่วนของหุ้นกลุ่มธนาคารที่มีผลงานดีเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเข้าซื้อของกองทุนประกันภัย 

อย่างไรก็ตาม ดัชนี Shanghai Composite ยังคงห่างไกลจากช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ในปี 2558 ในตอนนั้น ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้พุ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่งจาก การกู้ยืมเงินเพื่อเก็งกำไร (leverage) จำนวนมหาศาล จนทำให้ดัชนีทะยานไปแตะจุดสูงสุดถึง 5,166 จุด ก่อนที่จะเกิดปรากฏการณ์ "ฟองสบู่แตก" ตามมา