S&P 500 Nasdaq ทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังเงินเฟ้อต่ำชี้นำลดดอกเบี้ย

ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดใหม่ในวันอังคาร ดาวโจนส์ขึ้นเกือบ 500 จุด หลังรายงานเงินเฟ้อออกมาต่ำส่งสัญญาณไฟเขียวให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
บลูมเบิร์ก/ซีเอ็นบีซี รายงาน ทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq Composite ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันอังคาร (12 ส.ค.) หลังจากรายงานเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด ชี้ให้เห็นความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
ดัชนี S&P ปิดตลาดวันนี้พุ่งขึ้น 1.13% ที่ 6,445.76 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดวพุ่งขึ้น 1.39% ที่ 21,681.90 จุด ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 483.52 จุด หรือ 1.10% ปิดที่ 44,458.61 จุด
การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดในวันอังคารสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ซึ่งกังวลว่านโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจทำให้ราคาสินค้าในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนกรกฎาคม ขณะที่บริษัทดาวโจนส์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8% ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน เพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3% เล็กน้อย
และเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนมิถุนายน ถือเป็นอัตราเพิ่มขึ้นรายเดือนที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุสองปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อการปรับนโยบายในระยะใกล้ ลดลง 4 เบซิสพอยท์ มาอยู่ที่ 3.73% ค่าเงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าลงเช่นกัน
ความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยพุ่งสูงขึ้นหลังจากรายงานฉบับนี้ ขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 94% ที่อัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับลดในเดือนหน้า ตามข้อมูลการซื้อขายจากเครื่องมือติดตาม FedWatch ของ CME ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 85% ก่อนการเผยแพร่ข้อมูล นักลงทุนยังเพิ่มการคาดการณ์เกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมและธันวาคม
“ตอนนี้ตลาดหุ้นดูเหมือนจะเข้าข่าย โกลดิล็อกส์เล็กน้อย ( Goldilocks: เศรษฐกิจโตต่อเนื่องระดับปานกลาง” ทอม ไฮน์ลิน นักกลยุทธ์การลงทุนจาก U.S. Bank Asset Management Group กล่าว “ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ คาดการณ์ว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยจึงมีแนวโน้มลดลง ขณะที่กำไรของบริษัทมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับตลาดหุ้นโดยรวม”
เอลเลน เซนท์เนอร์ นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ เวลธ์ แมเนจเมนท์ กล่าวว่า “เงินเฟ้อกำลังเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเท่าที่บางคนกังวล” “ในระยะสั้น ตลาดน่าจะยอมรับตัวเลขเหล่านี้ เพราะจะช่วยให้เฟดสามารถมุ่งเน้นไปที่ความอ่อนแอของตลาดแรงงาน และคงการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนไว้ได้”
หุ้นขนาดเล็ก ซึ่งถูกมองว่าได้รับประโยชน์อย่างมากจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นที่ลดลง เป็นผู้นำในการพุ่งขึ้น โดยดัชนี Russell 2000 พุ่งขึ้นเกือบขึ้นเกือบ 3%
ความเคลื่อนไหวในวันอังคารเกิดขึ้นในขณะที่นักลงทุนกำลังพิจารณาความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากร ทรัมป์กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าเขาจะขยายเวลาการผ่อนปรนขึ้นภาษีสินค้าจีนออกไปอีก 90 วัน
วอลล์สตรีทจะวิเคราะห์รายงานดัชนีราคาผู้ผลิตในวันพฤหัสบดีนี้เพื่อประเมินอัตราเงินเฟ้อโดยรวม รายงานทั้งสองฉบับนี้มีขึ้นก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่แจ็คสันโฮลในช่วงปลายเดือนสิงหาคม และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน







