ดัชนีดาวโจนส์ลง 200 จุด S&P 500 NASDAQ ลงตาม ตลาดรอข้อมูลเงินเฟ้อ

ดัชนีดาวโจนส์ลง 200 จุด S&P 500 NASDAQ ลงตาม ตลาดรอข้อมูลเงินเฟ้อ

หุ้นวอลล์สตรีทปิดตลาดปรับตัวลดลง ดัชนีดาวโจนส์ลง 200 จุด S&P 500, NASDAQ ต่างปิดในแดนลบในวันจันทร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคเพื่อดูทิศทางดอกเบี้ย

ซีเอ็นบีซี รายงานหุ้นร่วงลงในวันจันทร์ (11 ส.ค.)  เนื่องจากนักลงทุนเตรียมรับรายงานอัตราเงินเฟ้อสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ และส่วนใหญ่มองข้ามความคืบหน้าเชิงบวกจากสถานการณ์ภาษีศุลกากร

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ลดลง 200.52 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 43,975.09 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.25% ปิดที่ 6,373.45 จุด และดัชนี แนสแด็ก Nasdaq Composite ลดลง 0.3% ปิดที่ 21,385.40 จุด

ตัวเลขเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้จะเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับดัชนีตลาดโดยรวมที่กำลังเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งมีกำหนดจะประกาศในวันอังคาร และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งมีกำหนดจะประกาศในวันพฤหัสบดี จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน ตัวเลขเงินเฟ้อที่ร้อนแรงขึ้นอาจเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของตลาด

นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนกรกฎาคมจะเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และเพิ่มขึ้น 2.8% ต่อปี ตามการประมาณการของบริษัทดาวโจนส์ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ต่อเดือน และ 3.1% ต่อปี เพิ่มขึ้นจากระดับ 0.2% และ 2.9% ตามลำดับในเดือนมิถุนายน

เฟดอาจจะคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.

ข้อมูลเงินเฟ้อนี้ออกมาก่อนการประชุมสัมมนาประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่แจ็คสันโฮล รัฐไวโอมิง ระหว่างวันที่ 21-23 สิงหาคม ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางการประชุมนโยบายดอกเบี้ยในเดือนกันยายน แม้ว่าตลาดจะประเมินโอกาส 87% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า แต่แซม สโตวอลล์ จาก CFRA Research ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซี ว่านักลงทุนอาจกำลังคิดมากไป

“ผมเริ่มกังวลเล็กน้อยว่าตลาดจะผิดหวัง” หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทกล่าว “เฟดจะต้องเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อน หากอัตราเงินเฟ้อยังคงทรงตัว และหากผู้บริโภคยังคงเต็มใจที่จะจับจ่ายใช้สอย แล้วเหตุใดจึงต้องลดอัตราดอกเบี้ยลง”

นักลงทุนต่างไม่พอใจในวันจันทร์ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารที่ขยายกำหนดเวลาการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนออกไปอีก 90 วัน ประธานาธิบดีได้ลงนามในคำสั่งดังกล่าวเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเที่ยงคืน ซึ่งเป็นเวลาที่การผ่อนปรนมาตรการก่อนหน้านี้กำลังจะสิ้นสุดลง นักลงทุนยังกังวลที่นโยบายการค้าของทรัมป์ยังคงเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้