เส้นตาย 13 ส.ค.นี้ อัยการนัด 14 คีย์แมนสำคัญ ‘คดี MORE’ ฟ้องศาลหากเบี้ยวเจอหมายจับ

เส้นตาย 13 ส.ค.นี้ อัยการนัด 14 คีย์แมนสำคัญ ‘คดี MORE’ ฟ้องศาลหากเบี้ยวเจอหมายจับ

ขีดเส้นตาย 13 ส.ค. 68 ! อัยการนัด 14 คีย์แมนสำคัญ ของ “คดี MORE” ส่งฟ้องศาลอีกครั้ง ชี้หาก "ไร้เงา" เจอหมายจับทันที

KEY

POINTS

  • อัยการกำหนดเส้นตายวันที่ 13 ส.ค. ให้นผู้ต้องหาคนสำคัญ 14 รายในคดีหุ้น MORE มารายงานตัวเพื่อส่งฟ้องศาล
  • หากผู้ต้องหาทั้ง 14 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มหัวโจกและบุคคลจากตระกูลดังไม่มาตามนัด จะถูกดำเนินการออกหมายจับทันที
  • การนัดหมายครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวไม่ได้เดินทางมาศาลในนัดแรกเมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา
  • คดีนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด 42 รายในข้อหาปั่นหุ้น MORE ซึ่งก่อนหน้านี้มีการส่งฟ้องและคุมขังผู้ต้องหาไปแล้ว 28 ราย

คดีหุ้น บริษัท มอร์รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ที่เพิ่งปิดฉากลงด้วยการจับกุมและดำเนินคดีกับ “แก๊งปั่นหุ้นจำนวน 42 ราย” และจำนวน 28 คน ต้องเดินเข้าคุกไปแล้ว โดยภายหลัง “อัยการ” นำตัวส่งฟ้อง ซึ่งถูกแจ้งข้อกล่าวหาในฐานความผิดเดียวกันทั้งหมดได้แก่ ความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง, ความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ และความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2568 ที่ผ่านมา และ “ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว” 

และยังเหลือผู้ต้องหาคดีปั่นหุ้นอีกจำนวน 14 ราย ที่ไม่ได้เดินทางมาศาล และหลักๆ ล้วนเป็นกลุ่มหัวโจกเหล่าตระกูลดังของคดีหุ้น MORE

อย่างไรก็ตาม ในพรุ่งนี้ (13 ส.ค.นี้) ทางอัยการคดีพิเศษได้มีการนัดหมายให้ 14 ราย มาพบเพื่อฟังคำสั่งทางคดีอีกครั้ง หลังจากเมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา ยังไม่ได้เดินทางมาศาล ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่า “ผู้ต้องหา” อาจจะเดินทางมาไม่ครบทั้งหมด เนื่องจากมีกระแสข่าวสะพัดว่าผู้ต้องหาบางรายที่เป็น “ระดับหัวโจกตระกูลดัง” ได้เดินทาง “หลบหนี” ออกนอกประเทศไปแล้ว 

ดังนั้น ในทางปฏิบัติ ถ้าผู้ต้องหาไม่มาตามนัดหมาย (13 ส.ค.นี้) ทางอัยการจะประสานมายัง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อดำเนินการตามกฎหมายในการติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป อันนำไปสู่การออกหมายจับต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อผู้ต้องหาที่ไม่มาในวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ประกอบด้วย

1. นายอภิมุข บำรุงวงศ์

2. นายเอกภัทร พรประภา

3. นายอธิภัทร พรประภา

4. นางอรพินธุ์ พรประภา

5. นายอิทธิวรรณ์ วรรณะเอี่ยมพิกุล

6. บริษัท ตงฮั้ว แคปปิตอล จำกัด

7. บริษัท ตงฮั้ว มีเดีย แล็บ จำกัด

8. นายสมนึก กยาวัฒนกิจ

9. MR SHUBHODEEP PRASANTA DAS

10. นางสาวปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา

11. นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ

12. นายภูดิท สุจริตกุล

13. นายเทียนประเสิริฐ พลอำไภ

14. นายพิเชษฐ์ ผลสุวรรณชัย

โดยทั้ง14 รายทางอัยการคดีพิเศษนัดให้มาพบเพื่อส่งตัวฟ้องอีกครั้งในวันที่ 13 ส.ค.นี้ หากไม่มาก็นำไปสู่การออกหมายจับได้ทันที ดังนั้น คงต้องรอดูว่าทั้ง 14 รายจะเดินทางมาศาลหรือไม่ !! 

อย่างไรก็ตาม แม้จะเหลือผู้ต้องหาที่เป็น “หัวโจกตระกูลดัง” อีก 14 ราย ที่มีกระแสข่าวว่ากำลังหลบหนี แต่นี่ถือเป็นความคืบหน้าของคดี MORE อีกหนึ่งก้าวที่เห็นการร่วมมือของการกวาดล้างอาชญากรรมในตลาดหุ้นอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนรอคอยมานาน เพราะว่าที่ผ่านมาอาชญากรหุ้นมักจะหลุดรอดและลอยนวล แต่คดีหุ้น MORE ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เมื่อทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจัง อาชญากรเหล่านี้ก็ไม่อาจหลบหนีความผิดไปได้

หากย้อนดู “คดีหุ้น MORE” ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญสั่นสะเทือนวงการ “ตลาดทุนไทย” อย่างมาก ด้วยเพราะเป็นการรวมตัวของ “แก๊งปั่นหุ้นหลายกลุ่ม” ที่ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างราคาหุ้นแบบธรรมดา แต่เป็นการลงมือปฏิบัติการปล้น “บริษัทหลักทรัพย์” (โบรกเกอร์) 10 แห่ง วงเงิน 4,500 ล้านบาท !!  

ด้วยจุดเริ่มต้นจากการเปิดฉากเมื่อ 10 พ.ย. 2565 โดยมีการแบ่งการทำงานออกเป็นสองฝั่ง “ผู้ส่งคำสั่งขาย” หุ้น MORE อีกฝั่งจะเป็น “ผู้ส่งคำสั่งซื้อ” หุ้นที่โยนซื้อขายมีจำนวนประมาณ 1,571.77 ล้านหุ้น โดยทำรายการผ่านโบรกเกอร์ประมาณ 10 ราย ในราคาหุ้นละ 2.90 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาปิดของวันก่อนหน้าอย่างผิดปกติ

จากนั้นเมื่อถึงกำหนดชำระราคาในระบบ T+2 ฝ่ายที่สั่งซื้อจะไม่ยอมชำระเงิน แต่โบรกเกอร์ที่รับคำสั่งขายจะต้องชดเชยค่าหุ้นให้แก๊งปั่นหุ้นตามที่ตกลงไว้ นี่คือการกระทำที่ท้าทายกฎเกณฑ์ของตลาดทุนอย่างเปิดเผย นี่ถือเป็นการปฏิบัติการ “ปล้น” ที่เหิมเกริมและแหวกแนวในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย