อสังหาสหรัฐฯ ซบเซา ดอกเบี้ยสูงกดดันตลาด รอลุ้นเฟดลดดอกเบี้ย

บล.พาย เผย ตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ ยังเผชิญแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยจำนองที่อยู่ระดับสูง 4-5% แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้าน (NAHB) เดือน ก.ค. 2025 ขยับขึ้นเล็กน้อยสู่ 33 ตามคาด แต่ยังต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนภาวะตลาดซบเซา ขณะเดียวกันดัชนีราคาบ้าน S&P CoreLogic Case-Shiller เดือน พ.ค. ลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ตลาดจับตาว่าหากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอลงไม่เกิน 2.8%-3.0% อาจเปิดทางให้เฟดลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยในระยะถัดไป
บล.พาย เปิดเผยว่า สมาคมธุรกิจรับสร้างที่อยู่อาศัย (National Association of Home Builder) ในสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีวัดความเชื่อมั่นผู้สร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 1 จุด สู่ระดับ 33 ในเดือน ก.ค. 2025 จากระดับ 32 ในเดือน มิ.ย 2025 สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อย่างไรก็ตามดัชนีความเชื่อมั่นต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่อยู่ระดับสูงกดดันความเชื่อมั่นผู้สร้างที่อยู่อาศัย
ทั้งนี้ ราคาที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯ ลดลงอย่างต่อเนื่อง ดัชนี S&P CoreLogic Case-Shiller สำหรับเดือน พ.ค. 2025 โดยรวมชะลอตัวทั้งนี้สัดส่วนการเปลี่ยนแปลงของค่าเฉลี่ย 3 เดือนที่มีการปรับค่าตามฤดูกาลแล้วมีการเปลี่ยนแปลงหดตัวเล็กน้อย -0.32% จากเดือน เม.ย. 2025
สำหรับ ที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯ ถือเป็นปัจจัยชี้นำเศรษฐกิจมายาวนานโดยข้อมูลล่าสุดที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้สร้างที่อยู่อาศัยที่ลดลงประกอบกับแนวโน้มราคาที่อยู่อาศัยลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จึงเป็นที่น่าจับตามองถึงอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัย หากยังคงอยู่ระดับสูงอาจทำให้การปล่อยสินเชื่อตึงตัวต่อเนื่องและส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดอยู่อาศัยสหรัฐฯ จะเผชิญกับความเปราะบาง
โดยมีมุมมองความเห็นว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ เกิดการหดตัวรวมทั้งอัตราดอกเบี้ยอยู่ระดับสูงราว 4-5% ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันอุปสงค์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ เมื่อตัวเลขเศรษฐกิจและข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณเชิงลบพร้อมกันนี้หากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ไม่เกินกว่า 2.8%-3.0% มากนัก อาจเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบปีซึ่งคาดว่าจะเป็นผลบวกต่อตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ สำหรับปัจจัยที่ติดตามประกอบด้วย 1) ตัวเลข CPI, PPI สหรัฐฯ (12-13 ส.ค และ 10-11 ก.ย.) 2) ประชุม Jackson Hole Symposium (21-23 ส.ค.) และ 3) ประชุม FOMC ครั้งถัดไป (16-17 ก.ย.)







