หุ้น AMARC พุ่งกระฉูดต่ออีก 25.43% หลังวานนี้ราคาปิดชนลิลลิ่ง ไตรมาส 2/68 ทำกำไรโดดเด่น

หุ้น AMARC บวกแรง 25.43% เพิ่มขึ้น 0.88 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 4.34 บาท ขณะที่วานนี้ (7 ส.ค.2568) ราคาปิดที่ 3.46 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือเพิ่มขึ้น 30.08%
KEY
POINTS
- ราคาหุ้น AMARC ปรับตัวขึ้นแรง 2 วันติดต่อกัน โดยล่าสุด (8 ส.ค. 68) บวก 25.43% หลังจากวันก่อนหน้า (7 ส.ค. 68) ราคาปิดชนเพดานสูงสุด (ceiling) ที่ 30.08%
- สาเหตุหลักมาจากผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ที่มีกำไรสุทธิโดดเด่นถึง 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้เพียง 10 กว่าล้านบาท
- ปัจจัยหนุนเพิ่มเติมคือการที่ต่างชาติคุมเข้มการตรวจสอบคุณภาพสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มยา ซึ่ง AMARC มีความเชี่ยวชาญและได้รับประโยชน์โดยตรง
- บริษัทยังได้ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.1 บาทต่อหุ้น และผู้บริหารคาดว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังจะเติบโตต่อเนื่อง
ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 8 ส.ค.2568 เวลา 10.30 น. หุ้น AMARC หรือ หรือ บริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (มหาชน) บวกแรง 25.43% เพิ่มขึ้น 0.88 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 4.34 บาท ขณะที่วานนี้ (7 ส.ค.2568) ราคาปิดที่ 3.46 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือเพิ่มขึ้น 30.08%
กรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และ นักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ราคาหุ้น AMARC ดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการทางวิทยาศาสตร์ด้านนวัตกรรมเกษตร อาหาร และยา ซึ่งอาจรวมถึงนวัตกรรมเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม หรือสุขภาพ พุ่งร้อนแรง 2 วันติด สาเหตุหลักมาจากผลประกอบการไตรมาส 2/68 ที่ออกมาโดดเด่น โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 100 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ทำได้เพียง 10 กว่าล้านบาทเท่านั้น นอกจากนี้ บริษัทยังได้ จ่ายเงินปันผลที่ 0.1 บาทต่อหุ้น
อีกปัจจัยสำคัญที่หนุนหุ้น AMARC คือการที่ต่างชาติเข้ามาคุมเข้มเรื่องการตรวจสอบคุณภาพสินค้า โดยเฉพาะในกลุ่มยา เนื่องจาก AMARC มีความเชี่ยวชาญและให้บริการด้านการควบคุมคุณภาพในธุรกิจยา จึงได้รับประโยชน์อย่างมากจากการคุมเข้มดังกล่าว
ทั้งนี้ ผู้บริหารของ AMARC ยังให้แนวโน้มที่เป็นบวก โดยคาดการณ์ว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับคำแนะนำการลงทุน หากเป็นการลงทุนระยะยาวถือว่าสามารถพิจารณาได้ หรือหากเป็นการซื้อขายเทรดดิ้งก็สามารถทำได้ แต่จำเป็นต้องมีจุดตัดขาดทุน หรือ Stop loss เช่นเดียวกับการซื้อขายหุ้นที่มีความผันผวนสูง






