หุ้นไทยภาคบ่ายคึกพุ่ง 20 จุด แรงหนุนดอลลาร์อ่อนค่า ต่างชาติซื้อ 1.7 หมื่นลบ.สูงสุดในรอบ 10 เดือน

หุ้นไทยภาคบ่ายคึกพุ่ง 20 จุด แรงหนุนดอลลาร์อ่อนค่า ต่างชาติซื้อ 1.7 หมื่นลบ.สูงสุดในรอบ 10 เดือน

หุ้นไทยภาคบ่าย พุ่ง 20.00 จุด หรือเพิ่มขึ้น 1.63% อยู่ที่ 1,249.40 จุด นักวิเคราะห์เผย แรงหนุนดอลลาร์อ่อนค่า ต่างชาติแห่ซื้อ 1.7 หมื่นล้าล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 เดือน กลุ้มที่ต่างชาติสนใจ ได้แก่ พลังงาน ปิโตรเคมี ธนาคาร และ ICT

KEY

POINTS

  • ตลาดหุ้นไทย ณ วันที่ 5 ส.ค. 2568 ปรับตัวขึ้น 20 จุด (+1.63%) โดยได้รับปัจจัยหนุนหลักจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
  • การอ่อนค่าของดอลลาร์เกิดจากตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
  • สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทย โดยนับตั้งแต่ 1 ก.ค. ถึงปัจจุบัน มียอดซื้อสุทธิประมาณ 17,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 เดือน
  • กลุ่มอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อมากที่สุดคือ พลังงานและปิโตรเคมี, ธนาคาร และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)

ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคบ่าย ณ วันที่ 5 ส.ค.2568 เวลา 15.30 น. พุ่ง  20.00 จุด หรือเพิ่มขึ้น 1.63% อยู่ที่ 1,249.40 จุด มูลค่าการซื้อขาย 44,467.68 ล้านบาท 
 

หุ้นไทยภาคบ่ายคึกพุ่ง 20 จุด แรงหนุนดอลลาร์อ่อนค่า ต่างชาติซื้อ 1.7 หมื่นลบ.สูงสุดในรอบ 10 เดือน

สรพล วีระเมธีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา รับอานิสงส์หลักจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และการเพิ่มขึ้นของโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ ส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ มีสาเหตุหลักมาจากการรายงานตัวเลขภาคการจ้างงานของสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 100,000 ตำแหน่ง  แต่ทว่ารายงานออกมาเพียงแค่ 70,000 ตำแหน่ง และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ มีการปรับประมาณการย้อนหลังตัวเลขการจ้างงานของ 2 เดือนก่อนหน้าลงมาสูงถึง 2.6 แสนตำแหน่ง ซึ่งถือว่าเป็นการปรับลงมารุนแรงมาก เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยการเพิ่มขึ้นของ Non-Farm Payrolls ที่ประมาณ 70,000-100,000 ตำแหน่งต่อเดือน

นอกจากนี้ในเซกเตอร์สำคัญมีการส่งสัญญาณถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เกือบทั้งหมด  ทำให้ตลาดประเมินว่า โอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐในปีนี้จาก 1 ครั้ง เป็น 2 ครั้ง จาก 0.25% เป็น 0.50% และครั้งแรกของการปรับลดอาจเกิดขึ้นในเดือน ก.ย.นี้ 

ขณะเดียวกัน ตลาดยังมีความกังวลเพิ่มขึ้นไปอีก ถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการเฟดชุดใหม่ หลังจากที่ประธานเฟดคนปัจจุบัน เจอโรม พาวเวล จะหมดวาระในเดือนพ.ค.ปีหน้า และทรัมป์จะแต่งตั้งประธานเฟดคนใหม่เข้ามา ตลาดจึงตีความว่า อาจจะมีโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเดิมอาจจะมีการปรับลดได้ 2 ครั้ง ในปีหน้า แต่ทว่าหากมีประธานเฟดคนใหม่ และคณะกรรมการเฟดใหม่ อาจนำไปสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่มากกว่าที่ประเมินไว้แต่เดิมได้ 

ทั้งนี้ ดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าอย่างรวดเร็วและแรง ส่งผลให้เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่า รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาคก็แข็งค่าขึ้นเช่นกัน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เงินทุนต่างชาติมีการไหลเข้ามาในตลาดภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยไปแล้วประมาณ 17,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นยอดซื้อที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 10 เดือน

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต่างชาติสนใจ จากการสำรวจข้อมูลพบว่า ในช่วง 1 ก.ค. ถึง 4 ส.ค.2568 กลุ่มที่ต่างชาติซื้อมากที่สุดคือ พลังงานและปิโตรเคมี นอกจากนี้ ยังมีการซื้อในกลุ่มธนาคาร  และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT