หุ้น TU บวก 6.96% 'มิตซูบิชิ' เข้าถือหุ้นราคาเหนือตลาด หนุนผลประกอบการ Q3/68 ฟื้นตัว

หุ้น TU บวก 6.96% เพิ่มขึ้น 0.80 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 12.30 บาท หลัง 'มิตซูบิชิ' เข้าถือหุ้นราคาเหนือตลาด โบรกคาด หนุนผลประกอบการ Q3/68 ฟื้นตัว แนะแค่เทรดดิ้ง
KEY
POINTS
- หุ้น TU ปรับตัวขึ้น 6.96% มาอยู่ที่ 12.30 บาท หลังจาก MITSUBISHI UFJ ประกาศเสนอซื้อหุ้นเพิ่มในราคาที่สูงกว่าตลาด
- MITSUBISHI UFJ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เสนอซื้อหุ้น TU เพิ่มเติมที่ราคา 12.5 บาทต่อหุ้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจาก 6.19% เป็น 20%
- นักวิเคราะห์มองว่าข่าวดังกล่าวสร้าง Sentiment เชิงบวก และคาดว่าจะหนุนให้ผลประกอบการในไตรมาส 3/68 ฟื้นตัวได้ดี
ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 5 ส.ค.2568 เวลา 11.00 น. หุ้น TU หรือ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บวก 6.96% เพิ่มขึ้น 0.80 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 12.30 บาท
กฤตวิทย์ รัตนะกนกชัย นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า หุ้น TU ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจาก MITSUBISHI UFJ หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ TU เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 20% จากปัจจุบันที่ 6.19% โดย MITSUBISHI แจ้งว่าเสนอซื้อหุ้นเพิ่มอีกราว 532.27 ล้านหุ้น ที่ราคา 12.5 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าราว 6.65 พันล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาด และการประชุมในวันนี้ (5 ส.ค.2568) ให้ผลลัพธ์เป็นบวก ส่งผลให้เกิด Sentiment เชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/68 ที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีจากไตรมาส 1/68 และ 2/68
ทั้งนี้ การเข้าถือหุ้นเพิ่มของมิตซูบิชิ คาดว่าจะทำให้เกิด Synergy หรือการผนึกกำลังกันในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายละเอียดและกรอบเวลาการเกิด Synergy ที่ชัดเจนนั้น ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ และต้องรอการประกาศจากทาง TU ต่อไป
สำหรับคำแนะนำนักลงทุน มองว่า ณ ราคาปัจจุบัน หุ้น TU ได้ปรับขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว จึงอาจเป็นการเข้าเทรดดิ้ง มากกว่าการลงทุนในระยะยาว โดยมีกลยุทธ์คือเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมา และขายออกเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลดำเนินงานงวดวันที่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.2568 และกำไรสะสม โดยจ่ายเป็นเงินสดให้ผู้ถือหุ้นสามัญ ในอัตรา 0.35 บาทต่อหุ้น โดยจะจ่ายในวันที่ 1 ก.ย. 2568
ทั้งนี้ เห็นชอบวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 18 ส.ค. 2568 และ วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 15 ส.ค. 2568 สำหรับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทรายงานผลการดำเนินงานที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยยอดขายลดลง 7.8% และกำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อย 0.8% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 19.3% อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 6.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจาก transformation costs และค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น
ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าเพิ่มขึ้น 32.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจาก Avanti Group ต้นทุนทางการเงินลดลง 7.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทมีเครดิตภาษีเงินได้อยู่ที่ 213 ล้านบาท เทียบกับค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 173 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเครดิตภาษีเงินได้นี้ ส่วนใหญ่เป็นผลจากการกลับรายการหนี้สินภาษีเงินได้รอตัดบัญชีที่ไม่ใช่เงินสดครั้งเดียวสำหรับการปรับโครงสร้างของเงินลงทุนใน Avant ในไตรมาส 1 ปี 2568 โดยรวม กำไรสุทธิตามที่ปรับปรุง ไม่รวม transformation costs อยู่ที่ 2,823 ล้านบาท เติบโตอย่างแข็งแกร่ง 11.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ กำไรสุทธิตามที่ประกาศลดลง 3.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน







