เตือนหุ้นสหรัฐเสี่ยง 'ปรับฐาน' ส่อร่วงหนัก 15% หลังเศรษฐกิจชะลอตัว

นักวิเคราะห์จากบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่เตือน นักลงทุนเตรียมรับความเสี่ยงตลาดหุ้น ‘ปรับฐาน’ อาจร่วงหนักสุดถึง 15% เร็วๆ นี้ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นักวิเคราะห์จากบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่หลายแห่งในตลาดหุ้นสหรัฐ ทั้ง Morgan Stanley, Deutsche Bank AG และ Evercore ISI ต่างออกมาเตือนว่า ดัชนี S&P 500 กำลังจะเผชิญกับการ “ปรับฐาน” ในอีกไม่กี่สัปดาห์และเดือนข้างหน้า เนื่องจากดัชนีพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจากจุดต่ำสุดในเดือนเม.ย. จนทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งกำลังสวนทางกับข้อมูลเศรษฐกิจที่เริ่มมีแนวโน้มแย่ลง
ไมค์ วิลสัน นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley คาดการณ์ว่าตลาดจะมีการปรับฐานลดลงสูงสุดถึง 10% ในไตรมาสนี้ เนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรเริ่มส่งผลกระทบต่อทั้งผู้บริโภคและงบดุลของบริษัทต่างๆ
Morgan Stanley ระบุในรายงานถึงลูกค้าว่า "ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้เตือนนักลงทุนว่าควรเตรียมรับมือกับการปรับฐานของตลาดหุ้นเล็กน้อยในไตรมาสที่สาม"
- ส่วนจูเลียน เอ็มมานูเอล จาก Evercore คาดว่าจะมีการปรับตัวลดลงที่หนักกว่า โดยอาจสูงถึง 15%
- ขณะที่ทีมงานของ Deutsche Bank นำโดย ปาราก แทตเต้ระบุว่า การปรับฐานของตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นมานานแล้ว เนื่องจากตลาดได้พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 3 เดือน
ทำไมตลาดหุ้นถึงน่ากังวล?
นักเศรษฐสาตร์ต่างออกมาคาดการณ์ในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับตัวเลขเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ตัวเลขการจ้างงานและการบริโภคที่อ่อนแอ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดของปี จากข้อมูลของสำนักข่าวบลูมเบิร์กเผยว่า ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ทำผลงานได้แย่ที่สุดในเดือนสิ.ค.และก.ย. โดยเฉลี่ยแล้วจะขาดทุน 0.7% ในแต่ละเดือน เมื่อเทียบกับกำไรเฉลี่ย 1.1% ในเดือนอื่นๆ
รวมทั้งปฎิเสธไม่ได้ว่าราคาหุ้นแพงเกินไปแล้ว โดยดัชนี Relative Strength Index (RSI) 14 วัน ของ S&P 500 พุ่งสูงเกิน 76 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2567 ก่อนที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะร่วงลงในช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว โดยตามหลักเทคนิคแล้ว การที่ค่า RSI เกินระดับ 70 ถือเป็นสัญญาณว่าตลาด “ร้อนแรงเกินไป” และอาจมีการปรับฐานในไม่ช้า
ขณะเดียวกัน ตลาดออปชันก็แสดงถึงสัญญาณของความกังวลที่ตลาดจะดิ่งลงเช่นกัน โดยการซื้อสัญญาเพื่อป้องกันความเสี่ยง (hedging) จากตลาดขาลงนั้นมีราคาแพงขึ้น
มั่นใจตลาดหุ้น 'ขาขึ้น' ระยะยาว
แม้จะมีการคาดการณ์ถึงความผันผวน แต่ Evercore และนักวิเคราะห์ยังคงเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นขาขึ้นในระยะยาวจะยังคงอยู่
เอ็มมานูเอล จาก Evercore แนะนำให้ลูกค้ายังคงลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของ AI ส่วนวิลสัน จาก Morgan Stanley ยังคงยึดมั่นในกลยุทธ์ "ซื้อเมื่อราคาตก"
แทตเต้ จาก Deutsche Bank ชี้ว่าตามสถิติในอดีต ดัชนี S&P 500 มักจะมีการปรับฐานเล็กน้อยประมาณ 3% ทุกๆ 1-2 เดือน และปรับฐาน 5% หรือมากกว่านั้นทุกๆ 3-4 เดือน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของตลาด
อ้างอิง Bloomberg







