‘บินไทย’เทคออฟปั้ม‘รายได้’ ปักธงปี 2576 แตะ4แสนล้านบาท

“การบินไทย” เปิดแผนเทคออฟรายได้ตั้งเป้าโตปี 76 แตะ 4 แสนล้าน ลุยขยายฝูงบินใหม่ 150 ลำตามแผน หลังองค์กรใหม่พลิกฟื้นปีนี้ และโชว์กำไรตลอด 10 ไตรมาสติดต่อกัน
KEY
POINTS
- การบินไทยตั้งเป้าหมายรายได้แตะ 4 แสนล้านบาทภายในปี 2576
- วางแผนขยายฝูงบินให้ครบ 150 ลำ เพื่อรองรับการเติบโตและเส้นทางบินใหม่
- ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในสนามบินสุวรรณภูมิเป็น 35% ภายในปี 2572 จากปัจจุบันที่ 26%
- ผลประกอบการมีกำไรต่อเนื่อง 10 ไตรมาส และคาดว่าผลงานทั้งปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยว่า สำหรับแนวโน้มผลประกอบการทั้งปีนี้ คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังจากผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1 และ ไตรมาส 2 ของปีนี้ มั่นใจทำได้ตามเป้าหมายเช่นกัน ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปีนี้ ยังต้องติดตามต่อไป ไม่สามารถบอกได้ แต่ยังพบยอดจองเที่ยวบินในช่วงครึ่งปีหลังนี้ใกล้เคียงกับปีก่อน
ขณะที่ บริษัทมีกำไรมาตลอดในช่วง 10 ไตรมาสติดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นช่วงโลซีซั่นหรือไฮซีซั่น และจากช่วงก่อนหน้านี้ที่บริษัทไม่เคยมีกำไรเลย โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 2-3 ของปี จะมีปัญหามาโดยตลอด
และส่วนผลการดำเนินงานในช่วง 4 เดือนที่เหลือปีนี้ แม้ว่าที่ผ่านมาอาจเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง แต่บริษัทมีตลาดหลักยังมาจากทวีปยุโรป, ออสเตรเลีย และเส้นทางบินระหว่างประเทศในภูมิภาค รวมถึงเส้นทางบินไปประเทศจีนมีทั้งหมด 5 เมือง เป้าหมายหลักเป็นกลุ่มผู้โดยสารที่ทำธุรกิจ และเป็นนักท่องเที่ยวน้อยมาก มีสัดส่วนเพียง 5% ของรายได้รวม
ผลกระทบจากนักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงจึงกระทบน้อยและสามารถหาช่องทางอื่นชดเชยได้
ที่สำคัญบริษัทตั้งเป้า ปี2576 จะมีรายได้ราว 400,000 ล้านบาท มาจากการขยายจำนวนฝูงบินครบจำนวน 150 ลำตามแผนที่วางไว้ รวมถึงวางเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในสนามบินสุวรรณภูมิเป็น 35% ภายในปี 2572 จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 26%
สำหรับแผนการขยายจำนวนฝูงบินใหม่ ทั้งหมด 150 ลำ เพื่อรองรับเครือข่ายเส้นทางบินใหม่ บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนเครื่องบินโบอิงจะเป็น 60% และ 40% เป็นเครื่องบินแอร์บัส ภายในปี 2576
ด้านความคืบหน้าโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) บริษัทได้รับจดหมายจากเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) แล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 ส.ค.) บริษัทยินดีตอบรับหนังสือที่เชิญชวนให้บริษัทร่วมลงทุนแน่นอน และคาดว่ายืนตอบรับข้อเสนอดังกล่าวภายในเดือนก.ย.นี้ จากนั้นคาดการก่อสร้างจะเริ่มอีก 1-2 ปี หรือ ภายในปี 70 เนื่องจากต้องมีกระบวนการออกแบบและจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท
ส่วนการร่วมลงทุน (JV) ในพื้นที่โครงการ MRO กับบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA พื้นที่ทั้งหมด 220 ไร่ มองว่าในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานสามารถใช้ร่วมกันได้ แต่ในส่วนของรายได้นั้นอาจจะมีแยกกัน โดยสัดส่วนการใช้พื้นที่ของ BA อยู่ที่ประมาณ 30 ไร่ และที่เหลือ 190 ไร่ เป็นของการบินไทยทั้งหมด เพราะมีจำนวนเครื่องบินที่มากกว่า ซึ่งตอนนี้มีหลายโมเดลที่ได้พูดคุยกันอยู่ แต่อาจจะเป็นในรูปแบบร่วมกันใช้พื้นที่
วานนี้ (4 ส.ค.) หุ้น THAI กลับเข้าซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลับเข้าเทรดอีกครั้ง หลังจากพักเทรดมาตั้งแต่ปี 2564 เปิดตลาดที่ ราคา 10.50 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 216% จากราคาปิดเดิมที่ 3.32 บาท สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการฟื้นตัวของบริษัท
นายชาย กล่าวว่า ตนเองรู้สึกดีใจมาก มองว่า ตัวเลขทางการเงินส่วนหนึ่ง เป็นเพราะนักลงทุน มีความมั่นใจในองค์กร และอีกส่วนหนึ่งราคากลับมาเทรดเปิดที่ 10 บาทกว่า เกินกว่าคาดหมาย แต่เชื่อว่า ราคาหุ้นไม่ได้เกินเหตุ เพราะดูแล้วเทียบเคียงกับ Benchmark หรืออุตสาหกรรมเดียวกันทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงคิดว่าผลประกอบการบริษัทก็ไม่ได้ด้อยกว่าบริษัทอื่นๆ หรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ
นายลวรณ แสงสนิท ประธานบอร์ดการบินไทย กล่าวว่า การซื้อเครื่องบินเพิ่มไม่มีแรงกดดันจากฝ่ายการเมือง เป็นการตัดสินใจตามแผนฟื้นฟูและพื้นฐานเศรษฐกิจจริง การกลับเข้ามาตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อแผนฟื้นฟู และการบริหารจัดการใหม่ของการบินไทย ถือเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ครั้งสำคัญ สะท้อนจากตัวเลขต่างๆ ที่เป็นข้อเท็จจริง และไม่มีแรงกกดดันของราคาหุ้น เพราะระยะสั้น เราทำได้ดีมากในช่วงที่ผ่านมา คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ของปีนี้ เชื่อว่าจะยังดีต่อเนื่องได้







