ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (1 ส.ค.) ร่วงเฉียด 25 จุด กังวลศก.ครึ่งปีหลังทรุด

"ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ (1 ส.ค.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,218.33 จุด ลดลง 24.02 จุด หรือ 1.93% "นักวิเคราะห์" ชี้ นักลงทุนกังวลกำไรบจ.และแนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลังทรุด
KEY
POINTS
- ตลาดหุ้นไทยในวันที่ 1 ส.ค. ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง โดยดัชนีปิดตลาดร่วงลงเกือบ 25 จุด หรือ 1.93% มาอยู่ที่ 1,218.33 จุด
- สาเหตุหลักมาจากการที่นักลงทุนกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังที่ส่งสัญญาณชะลอตัวชัดเจน จึงเลือกขายทำกำไร
- นักวิเคราะห์มองว่าปัจจัยทางการเมืองไม่ใช่สาเหตุหลักของการปรับฐานครั้งนี้ แต่เป็นเพียงปัจจัยประกอบ เนื่องจากตลาดได้ชนแนวต้านและขาดปัจจัยบวกใหม่ที่จะขับเคลื่อนราคา
"ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ (1 ส.ค.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,218.33 จุด ลดลง 24.02 จุด หรือ 1.93% โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแนวโน้มปรับตัวลงตลอดวัน ซึ่งทําจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,252.50 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,217.37 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 54,586.68 ล้านบาท
หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1. DELTA ราคาปิด 142.00 บาท ลดลง 4.00 บาท หรือ 2.74% มูลค่าซื้อขาย 3,261.07 ล้านบาท
2. PTT ราคาปิด 32.25 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 3.01% มูลค่าซื้อขาย 3,057.79 ล้านบาท
3. CPALL ราคาปิด 44.75 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 5.29% มูลค่าซื้อขาย 2,799.16 ล้านบาท
4. GULF ราคาปิด 45.25 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 4.23% มูลค่าซื้อขาย 2,053.18 ล้านบาท
5. BDMS ราคาปิด 20.90 บาท ลดลง 0.60 บาท หรือ 2.79% มูลค่าซื้อขาย 2,000.10 ล้านบาท
หุ้นไทยปรับตัวลง กังวลศก.ครึ่งปีหลัง-ผลประกอบการ Q2
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า สาเหตุหลักของการปรับตัวลงนี้ไม่ได้มาจากประเด็นทางการเมืองโดยตรง แต่เป็นเพราะตลาดได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วเกือบ 200 จุดจากจุดต่ำสุด ซึ่งสะท้อนปัจจัยบวกหลายอย่าง รวมถึงแนวโน้มการค้าที่ดี อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลง ตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่แสดงสัญญาณการชะลอตัวอย่างชัดเจน ทั้งในภาคการผลิต การส่งออก การท่องเที่ยวต่างชาติ ภาคบริการ และการบริโภค ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็เล็งเห็นภาพดังกล่าว
เมื่อตลาดได้รับความชัดเจนในประเด็นต่างๆ รวมถึงประเด็นภาษีที่ล่าช้า นักลงทุนจึงเลือกที่จะ ขายทำกำไร เพื่อเตรียมรับมือกับตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3 ที่คาดว่าจะชะลอตัวและจะเห็นผลชัดเจนในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า แม้ประเด็นความกังวลทางการเมืองจะมีส่วนอยู่บ้าง แต่การที่หุ้นรายตัวบางตัวปรับขึ้นมาถึง 30-40% จากจุดต่ำสุด ทำให้การขายทำกำไรไม่ใช่เรื่องแปลก การฟื้นตัวของตลาดที่ผ่านมานั้นไม่ได้มาจากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง แต่เป็นการขึ้นของหุ้นที่ปรับตัวลดลงไปมากและนักลงทุนถือของไม่เยอะ ขณะนี้ตลาดจึงเริ่มจริงจังมากขึ้นในการประเมินแนวโน้มผลประกอบการของไตรมาสนี้และไตรมาสหน้า
สำหรับแนวโน้มตลาดในสัปดาห์หน้า ในระยะสั้น บริเวณ 1,250 จุด น่าจะเป็นจุดที่ upside มีจำกัดมากและในการปรับฐานลง ตลาดจะมี แนวรับที่ 1,220 จุด และ 1,210 จุด ตามลำดับ
ประเด็นการเมืองมีผลน้อย ?
สำหรับประเด็นเรื่องการเมือง นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจัยทางการเมืองไม่ได้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงวันนี้
นักลงทุนรับรู้และเข้าใจอยู่แล้วว่า รัฐบาลชุดปัจจุบัน "อยู่ไม่ยืด" และการที่ตลาดหุ้นกลับปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น เป็นการตอบรับกับความ "อยู่ไม่ยืด" ของรัฐบาล เสียมากกว่า ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลอาจสร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจและทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลง แต่ในปัจจุบัน นักลงทุนมองว่า การมีอยู่ของรัฐบาลชุดนี้ "ไม่ได้ช่วยอะไรเลย" ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจึงอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ การที่ตลาดหุ้นเริ่มปรับตัวขึ้นในรอบนี้มีจุดชนวนจาก วันที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งนักลงทุนตีความว่าเธอไม่น่าจะรอด
สำหรับประเด็นคดีทางการเมืองของคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งเรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112 และคดี "ชั้น 14" นั้น นายประกิตมองว่า เรื่องมาตรา 112 คุณทักษิณน่าจะรอด และไม่น่าจะง่ายที่จะมีการดำเนินคดีในประเด็นนี้ ส่วนเรื่อง "ชั้น 14" ที่มีการร้องต่อศาลฎีกาว่าจำคุกไม่จริงหรือไม่ครบ หากศาลพิจารณาแล้วสั่งให้กลับไปจำคุก ก็คาดว่าจะเป็นระยะเวลาสั้นมาก และ ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้น
“ประเด็นทางการเมืองเป็นเพียง ‘เรื่องแต่งหน้าเค้ก’ หรือ ‘เรื่องประกอบ’ เท่านั้น ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงในครั้งนี้ สาเหตุหลักคือการที่ตลาดขึ้นมาชนแนวต้านและหมดปัจจัยบวกที่จะขับเคลื่อนราคา”







