ดีลภาษีทรัมป์เขย่าหุ้น ‘อินเดีย’ ร่วง รูปีอ่อนค่า กดดันเศรษฐกิจ

ดีลภาษีทรัมป์เขย่าหุ้น ‘อินเดีย’ ร่วง รูปีอ่อนค่า กดดันเศรษฐกิจ

ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าอินเดีย 25% เขย่าตลาดหุ้นอินเดียร่วง รูปีอ่อนค่าเกือบต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ กดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ-การลงทุนระยะยาว

รอยเตอร์รายงานว่า การประกาศดีลการค้าของสหรัฐต่อ “อินเดีย” ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดภาษีนำเข้า ที่ระดับ 25% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ได้ส่งผลกระทบต่อ ค่าเงินรูปีของอินเดียได้อ่อนค่าลงทำสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นก็ร่วงลงอย่างหนัก 

‘หุ้นอินเดีย -ค่าเงินรูปี’ ร่วงแรง

ดัชนีหุ้นหลักของอินเดียอย่าง Nifty 50 และ BSE Sensex ต่างก็ปรับตัวลดลงประมาณ 0.6% 

ดีลภาษีทรัมป์เขย่าหุ้น ‘อินเดีย’ ร่วง รูปีอ่อนค่า กดดันเศรษฐกิจ

ค่าเงินรูปีที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยรูปีร่วงลงไปแตะที่ระดับ 87.74 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบกว่า 5 เดือน และเกือบจะทำสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 87.95 รูปี ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนก.พ. อย่างไรก็ตาม ค่าเงินรูปีก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างหลังจากนั้น โดยมีแนวโน้มว่าธนาคารกลางได้เข้าแทรกแซงด้วยการเทขายเงินดอลลาร์เพื่อพยุงค่าเงินไว้

ภาษีทรัมป์กระทบ ‘เศรษฐกิจ-การลงทุน’

นักวิเคราะห์ได้ออกมาเตือนว่า การตัดสินใจขึ้นภาษีของสหรัฐในครั้งนี้จะยังคงสร้างแรงกดดันต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดียอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และอาจทำให้การเติบโตของประเทศในเอเชียใต้ในปี 2568-2569 ลดลงถึง 0.40%

“หากภาษีเหล่านี้ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป อาจส่งผลกระทบต่อความน่าดึงดูดใจของอินเดียสำหรับธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนเส้นทางการค้าในภาคการผลิต” Raphael Luescher หัวหน้าร่วมฝ่ายหุ้นตลาดเกิดใหม่ของบริษัท Vontobel กล่าว

Santanu Sengupta นักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs ประเมินว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะลดลง 0.30%  เมื่อมีการเรียกเก็บภาษี และเสริมว่าความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐที่เพิ่มมากขึ้น อาจทำให้บริษัทในอินเดีย โดยเฉพาะบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากภาษีของสหรัฐเลื่อนการตัดสินใจลงทุนออกไป"

ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร DBS มองว่าแม้อินเดียจะมีความเสี่ยงด้านลบจากภาษี แต่อินเดียยังได้รับประโยชน์จากเส้นทางการค้าที่เปลี่ยนไปจากเดิม เพราะผู้ผลิตต่างกระจายการลงทุน และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากฐานการผลิตอื่นๆ รวมถึงจากจีน

อย่างไรก็ดี อลิสัน ชิมาดะ หัวหน้าฝ่ายหุ้นตลาดเกิดใหม่ของบริษัท Allspring Global Investments กล่าวว่าผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจมหภาคอาจมีจำกัด เนื่องจากการส่งออกของอินเดียไปยังสหรัฐคิดเป็นเพียง 2–3% ของ GDP เท่านั้น

นอกจากนี้ ชิมาดะ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าอินเดียอาจต้องการรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าเชิงสร้างสรรค์กับทั้งรัสเซีย และสหรัฐ  และอาจพิจารณาเพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐเพื่อคลายความตึงเครียด

 

  อ้างอิง Reuters

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์